เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ /แป้ง มิตรชัย กับเซอร์ไพรส์บนเวทีละคร

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

แป้ง มิตรชัย กับเซอร์ไพรส์บนเวทีละคร

 

ที่เขียนจั่วหัวเป็นชื่อตอนที่ว่า “แป้ง มิตรชัย กับเซอร์ไพรส์บนเวทีละคร” นั้น ผมหมายถึงแป้ง นักแสดงและนางเอกลิเกที่ชื่อ “พรภัสร์ชนก มิตรชัย” ครับ ดูจากนามสกุลก็คุ้นๆ ใช่แล้ว เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “ไชยา มิตรชัย” นั่นเอง

และที่ว่าบนเวทีละครนั้น ก็คือละครเวทีเรื่อง “บ้านเรือนเคียงกัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล” ที่ผมเคยเขียนถึงไปแล้วเมื่อ 2-3 ฉบับก่อน และทิ้งท้ายว่าเมื่อผ่านการแสดงรอบสื่อมวลชนไปแล้วจะขออนุญาตเขียนถึงอีกที

การแสดงรอบสื่อมวลชนได้ผ่านไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และตอนที่มติชนเล่มนี้วางแผง ก็ผ่านการแสดงจริงไปแล้ว 2 รอบ

 

ย้อนมาที่ “น้องแป้ง” เธอมารับบทเป็นนางเอกละครเวทีในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องแรกในชีวิตของเธอ แม้จะเคยผ่านเวทีลิเกมาแล้วโชกโชน แต่นี่ต่างกันที่ไม่ได้ร้องรำลิเกตามที่เธอถนัด แต่ต้องมาแสดงและร้องเพลงของ “สุนทราภรณ์” อีกด้วย

“ยากมากกกก” แป้งเคยบอกอย่างนั้น

“เคยฟังพ่อเอเปิดผ่านหูตอนเด็กๆ เลยพอได้คุ้นเคยอยู่บ้าง ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเพราะดี ไม่นึกว่าจะได้มาร้องเสียเอง”

เมื่อพูดถึงความยาก แป้งบอกยากทุกอย่าง ทั้งเรื่องทำนองที่มีความหลากหลาย ทั้งเรื่องคำร้องที่ต้องร้องให้ชัดทุกคำ แต่ชัดอย่างไรให้ไม่แข็งและมีอารมณ์ และยังได้ความร่วมสมัย เพราะตามสไตล์ของละครแล้วไม่ได้ต้องการร้องแบบออริจินอล

“บางทีคำเดียวมี 4 โน้ตให้เอื้อน” ฟังดูก็เหมือนกับไม่น่าจะยาก เพราะลิเกก็ต้องเอื้อนเหมือนกัน ซ้ำยังเล่นลูกคออีกด้วย แต่การเอื้อนแบบสุนทราภรณ์จะไม่มากอย่างนั้น แต่จะเอื้อนให้มีอารมณ์หนัก-เบา

ความยากของการร้องเพลงสุนทราภรณ์ คือการหายใจ ว่าจะหยุดหายใจตรงนี้ที่จะไพเราะที่สุด เพราะบางท่อนนั้นต้องร้อง “ลมเดียว” ตามภาษาการร้อง จึงจะเพราะชวนฟัง

 

เพลงที่ยากที่สุดของแป้งคือเพลง “กล่อมวนา” เป็นเพลงที่มีโน้ตขึ้นลง มีสูงสุดและต่ำสุด และมีท่วงทำนองที่แปรเปลี่ยนไปในเพลงเดียวกัน ซ้ำในฉากที่แสดง เป็นฉากที่เธอหลงป่าในความมืดคนเดียว การร้องจึงต้องใส่อารมณ์ของความกลัว ความตกใจเข้าไปด้วย แต่ก็ต้องให้เพราะ

ในรอบการแสดงที่ผ่านมา แป้งทำได้ไม่เลว สะกดคนดูให้คล้อยตามอารมณ์ได้ และเชื่อว่าเธอจะยิ่งทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในรอบต่อๆ ไป

อีกเพลงหนึ่งที่แป้งต้องรับผิดชอบ ดูเหมือนจะไม่ยากนักคือเพลง “จำได้ไหม” บทเพลงดังจากการขับร้องไว้ของคุณรวงทอง ทองลั่นทม แต่ผู้เขียนบทก็เหมือนแกล้ง เพราะบทเพลงในฉากนี้เป็นการร้องแบบแกล้งยั่ว กระเซ้าฝ่ายชาย อำว่าเคยมารักมาชอบฉันไม่ใช่หรือ

ฉะนั้น การร้องจึงต้องร้องแบบอำๆ เล่นสนุก แต่ต้องให้หวาน

“ยากกก…” แป้งบอกอีก แต่ก็เป็นฉากหนึ่งที่เธอทำได้ดี ยิ่งเมื่อประกบคู่การแสดงกับ ปอ อรรณพ แล้ว 2 คนนี้เคมีเข้ากันมาก สามารถรับ-ส่งกันได้ดี มือเก๋าเกมอย่างปอเล่นได้สนุก ลื่นไหลเป็นที่ประทับใจผู้ชมอย่างมาก

เห็นบนเวทีปอพลิ้วไหว มีพลัง เป็นธรรมชาติอย่างนั้น แต่เขาบอกว่าก่อนจะออกไปแสดง เขาจะตื่นเต้นมากๆ จนคล้ายจะ panic นั่นเลย

ปอรับบทเป็น “ต้อม” หนุ่มนักศึกษารักสนุก ขี้เล่น ช่างเย้าแหย่ ซึ่งก็ตรงกับบุคลิกจริงของเขา เขาจึงงัดธรรมชาติในตัวมาใส่ในละคร ปรุงแต่งอีกหน่อยก็กลมกล่อมชวนชม แถมมีมุขตลกให้ผู้ชมได้หัวเราะเอ็นดูเขาตลอดเวลา

 

ย้อนมาถึงเรื่อง “เซอร์ไพรส์” ที่จั่วหัวไว้ กล่าวคือ ในรอบสื่อมวลชนที่ผ่านมา เราได้เชิญ เอ-ไชยา มิตรชัย ซึ่งแอบมาดูผลงานของลูกสาวให้ขึ้นไปร่วมแสดงในตอนท้ายเรื่องด้วย เอนั้นก็สนุกที่จะร่วมเซอร์ไพรส์ลูกด้วย เพราะลูกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนมาชม

ฉากนั้นเป็นฉากจบแล้วละ ผัดไท-ดีใจ ดีดีดี ที่เล่นเป็นแม่ของแป้ง ได้ถามนอกบทไปว่า “ที่รักกับปอน่ะได้ถามพ่อหรือยัง” คนอยู่ข้างๆ เวทีเล่าว่า แป้งหน้าเหลอหลา และตอบอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า บอกแล้วค่ะ ผัดไทถามต่อ “แน่ใจเหรอ งั้นเรียกพ่อมาคุยซิ”

แล้วเอก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนเวที เท่านั้นแหละ แป้งตาเบิกโพลง แล้วคนดูก็ค่อยๆ ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาฮาใหญ่ เพราะรู้แล้วว่านั่นคือ “การเซอร์ไพรส์” ต่อจากนั้นเวทีก็กลายเป็นของผัดไทและเอ-ไชยา สองคนนี้รับ-ส่งกันสดๆ สนุกมาก เพราะไม่มีโอกาสได้เตรียมกันมาก่อน

แต่ด้วยความจัดเจนเวทีแบบมืออาชีพของสองคนนี้ จึงทำให้เหมือนเป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับผู้ชมในรอบสื่อมวลชน

ปอเล่าว่า บนเวทีแป้งกุมมือปอแน่นเลย เพราะตื่นเต้น และปอเองก็มีไหวพริบพอที่จะโต้ตอบสดๆ กับเอ ไชยาได้ จนเรียกเสียงหัวเราะต่อเนื่องได้ชุดใหญ่

ที่เล่าอย่างนี้ ผู้ชมที่จะไปชมในรอบหลังๆ อาจถามว่า แล้วอย่างนี้ก็ไม่ได้ดูอะไรเด็ดๆ แบบในรอบสื่อสิ ก็จะบอกว่าถึงไม่มีเซอร์ไพรส์ แต่ด้วยตัวละครเองก็มีความสนุกในอัตราที่ทำให้ผู้ชมได้หัวเราะอย่างมีความสุขแน่นอน

 

เพราะนอกจากปอ-แป้ง ผัดไท ที่เล่าแล้ว ยังมีพระ-นางอีกหนึ่งคู่ ที่ร้องเพลงเพราะเหลือเกินคือ ต้น ธนษิต และ ซานิ นิภาภรณ์ สองคนนี้มีทั้งบทกุ๊กกิ๊กและดราม่ากัน ต้องปะทะความรู้สึกที่ผิดหวัง เสียใจ จนถ่ายทอดมาในบทเพลง “รักรัญจวน” โดยต้น และเพลง “จากรัก” โดยซานิ ที่เชื่อว่าคุณผู้ชมจะชอบ

นอกจากนักแสดงหลักคนอื่นๆ แล้ว ที่ได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อยคือกลุ่มนักแสดงสมทบ ที่สามารถแสดงออกได้อย่างมีพลัง กลมกลืน และโอบอุ้มเรื่องราวให้สมบูรณ์ สนุกสนานมากขึ้น ซึ่งก็ต้องชื่นชมไปถึงผู้ออกแบบท่าเต้นคือ รับขวัญ สาสอาด, มนัสชัย บุญชัง และ พอพล ภาษี ที่สร้างสรรค์ลีลาได้อย่างสวยงาม ตื่นตาตื่นใจ สอดรับกับเรื่องราวอย่างดี

นักแสดงที่โดดเด่นอีกคนคือ “เนสท์ นิศาชล” เธอสะกดสายตาทุกคู่ให้อยู่ที่เธอได้ในฉากตลาด ทั้งที่มีนักแสดงอยู่เต็มเวที ทั้งด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน กังวาน และลีลาชนิดเหลือเกินในบทของ “แม่ค้าอ้อยหวาน” ที่มากสีสันจริงๆ

ละครเรื่อง “บ้านเรือนเคียงกัน สุนทราภรณ์ เดอะ มิวสิคัล” ยังเปิดการแสดงทุกวันเสาร์และอาทิตย์ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ มีวันละรอบเดียว บ่าย 2 โมง อยากเชิญชวนให้มาชมกัน และขอบอกว่าสามารถชมได้ทุกวัย เพราะบทเพลงของสุนทราภรณ์ที่ถูกปรุงแต่งอย่างร่วมสมัยในเวทีละครชุด “สุนทราภรณ์ เดอะ มิวสิคัล” นั้นเป็นความสุขฉบับครอบครัวจริงๆ

ใครมีบัตรแล้ว ไว้เจอกันที่หน้าโรงละครเอ็ม เธียเตอร์…รออยู่นะครับผม