สุจิตต์ วงษ์เทศ/สุนทรภู่ เป็น ‘ผู้ดี’ มีตระกูลไม่ธรรมดา ครั้งกรุงแตก

สุนทรภู่ เชื้อสายพราหมณ์บ้านสมอพลือ เมืองเพชรบุรี บ้านเดียวกับตระกูลพระพันวสาใหญ่ พระพันวสาน้อย ในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกรุงเก่า หนังสือพราหมณ์สมอพลือ โดย ทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ พิมพ์โดยสถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จ.เพชรบุรี 2561

สุจิตต์ วงษ์เทศ

สุนทรภู่ เป็น ‘ผู้ดี’

มีตระกูลไม่ธรรมดา ครั้งกรุงแตก

 

กรุงแตก พ.ศ.2310 เป็นความอัปยศของคนชั้นนำอยุธยาสมัยนั้น

รู้ได้จากอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่ในเหตุการณ์กรุงแตกโดยตรง คือ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (น้องชาย ร.1) มีพระราชนิพนธ์เพลงยาวนิราศเสด็จไปตีเมืองพม่า พ.ศ.2336 วรรคหนึ่งว่า “เสียทีเสียวงศ์กษัตรา” แล้วพรรณนาอีกมากจะยกที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง ดังนี้

 

เสียยศเสียศักดิ์เสียนัคเรศ             เสียทั้งพระนิเวศน์วงศา

เสียทั้งตระกูลนานา                     เสียทั้งไพร่ฟ้าประชากร

 

สุนทรภู่ เกิดหลังกรุงแตก 19 ปี (เกิด พ.ศ.2329 ในแผ่นดิน ร.1) คราวหนึ่งเมื่อเดินทางผ่านไปอยุธยาเห็นซากกรุงแตกก็รู้สึกอัปยศและสะเทือนใจ จึงพรรณนาไว้ในนิราศพระบาท ตอนหนึ่งว่า

 

กำแพงรอบขอบคูก็ดูลึก                ไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้

ยังให้มันข้ามเข้าเอาเวียงชัย           โอ้อย่างไรเหมือนบุรีไม่มีชาย

 

กรุงแตกเป็นเรื่องน่าละอาย สุนทรภู่ยังบอกเป็นนัยยะไว้อีกในนิราศเมืองเพชรฉบับตัวเขียน

 

เรื่องน่าละอายของสุนทรภู่

 

สุนทรภู่ เป็น “ผู้ดี” บางกอก เกิดในวังหลัง คลองบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี บรรพชนเป็นพราหมณ์เมืองเพชรบุรี อ.ล้อม เพ็งแก้ว (นักปราชญ์สยามร่วมสมัย) ตรวจพบในนิราศเมืองเพชร (ฉบับตัวเขียนบนสมุดข่อย เก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติ)

สุนทรภู่เขียนบอกว่า “โคตรญาติย่ายาย” หมายถึงบรรพชนล้วนเป็นพราหมณ์เมืองเพชร ทั้งสายแหรกข้างพ่อและข้างแม่ แล้วพบว่าบรรดาญาติมากมายยังมีชีวิตสืบเชื้อสายพราหมณ์อยู่ในเมืองเพชรบุรี มีถิ่นฐานเป็นย่านใหญ่ปัจจุบัน เรียกบ้านสมอพลือ ริมแม่น้ำเพชรบุรี

กลอนนิราศเมืองเพชร (ฉบับตัวเขียน) สุนทรภู่บอกว่าญาติจำนวนหนึ่งไม่รู้ความเป็นมาของตระกูลพราหมณ์ แต่ตัวท่านรู้ เพราะสอบถามจากคนเฒ่าคนแก่และผู้รู้ทั้งหลาย จึงได้ความตั้งแต่ต้นจนปลาย ครั้นจะบอกเล่าเรื่องราวความจริงทั้งหมดก็เกรงจะอับอาย มีกลอนดังนี้

 

แต่ตัวเราเข้าใจได้ไถ่ถาม             จึงแจ้งความเถือกเถาจนเอาวสาน

จะบอกเล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน     ก็เกรงท่านทั้งหลายละอายครัน

 

ปัญหาอยู่ตรง 2 วรรคท้ายว่าจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของวงศ์ตระกูล “ก็เกรงท่านทั้งหลายละอายครัน” ที่สุนทรภู่เขียนบอกนี้ “ละอาย” อะไร? ทำไม?

เคยมีผู้พยายามอธิบายว่าละอายที่เป็นตระกูลพราหมณ์ แต่ก็มีผู้แย้งจำนวนมากว่า ตระกูลพราหมณ์ไม่น่าละอาย เพราะจัดเป็นตระกูลสูงของสังคมสมัยสุนทรภู่ ซึ่งน่าอวดมากกว่าน่าละอาย

ดังนั้น เรื่องน่าละอายต้องลึกซึ้งสำคัญมาก แต่ไม่รู้เป็นเรื่องอะไร?

 

กรุงแตก เพราะเชื้อวงศ์พราหมณ์

 

กรุงศรีอยุธยาแตกเพราะเชื้อสายตระกูลพราหมณ์เมืองเพชร คือพระเจ้าเอกทัศ มีพระมารดาเป็นพระพันวสาน้อย เชื้อตระกูลพราหมณ์บ้านสมอพลือ เมืองเพชรบุรี (ตามพระราชวินิจฉัยของ ร.4) เป็นเหตุให้สุนทรภู่ ซึ่งเป็นเชื้อสายพราหมณ์บ้านสมอพลือเขียนกลอน 2 วรรคว่า “จะบอกเล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน ก็เกรงท่านทั้งหลายละอายครัน” ทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ (เป็นชาวเมืองเพชร) เขียนบอกไว้ในหนังสือ “พราหมณ์สมอพลือ” พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2556 [ขณะนี้ สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ.2561] จะคัดมาดังนี้

“ตระกูลพราหมณ์สมอพลือ พราหมณ์เมืองเพชร และราชนิกูล เชื้อสายพราหมณ์ในสมัยอยุธยา มีสัมพันธภาพโยงใยต่อกันอย่างแนบแน่น ทั้งนี้พ่อและแม่ปู่ย่าตายายของท่านบรมครูสุนทรภู่ ก็มีเชื้อสายพราหมณ์เมืองเพชร หรืออาจมีเชื้อสายพราหมณ์สมอพลือด้วยก็เป็นได้ เพราะขนบธรรมเนียมพราหมณ์โบราณสืบตระกูลเผ่าพงศ์กับคนตระกูลพราหมณ์ด้วยกันในลักษณะวงศ์เทวัญเท่านั้น

เพราะประการนี้ เรื่องที่น่าอายที่บรมครูสุนทรภู่ทราบเรื่องแต่หนหลังมา อาจเกี่ยวข้องกับราชสำนักตอนที่กรุงศรีอยุธยาล่มสลายจนเสียแผ่นดินเป็นแน่

กล่าวคือ เจ้าฟ้าเอกทัศ หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าบรมโกศกับพระมเหสีเอก พระพันวสาน้อย และพระพันวสาใหญ่ พระมเหสีทั้งสองพระองค์เป็นบุตรีเจ้าพระยาบำเรอภูธร (นายทรงบาศ) เชื้อสายพราหมณ์สมอพลือ

บรรดาญาติสุนทรภู่เมืองเพชร รวมถึงตัวของท่านเองอาจเป็นเทือกเถาเหล่ากอเดียวกับพระพันวสาน้อย พระพันวสาใหญ่ และสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ในฐานะพระราชาและราชนิกูล ปฏิเสธมิได้เลยที่ทำให้แผ่นดินอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาล่มจนเสียแก่พม่า เมื่อ พ.ศ.2310 นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ที่บรมครูสุนทรภู่มิอยากเล่าให้บรรดาญาติพราหมณ์เมืองเพชรฟังคือประเด็นนี้ใช่หรือไม่”

กรุงแตก 2310 เป็นเหตุการณ์เจ็บปวดรวดร้าวลึกล้ำในความทรงจำของคนสมัยนั้นสืบเนื่องต่อมาอีกนาน จนถึงสมัยสุนทรภู่เกิด (ต้นแผ่นดิน ร.1)

ถ้าจริงตามที่ ทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ พบร่องรอย ก็แสดงว่าตระกูลสุนทรภู่เกี่ยวดองเชื้อสายพระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา

อาจมีผู้พบหลักฐานเป็นอย่างอื่นต่างจากนี้ก็ได้ ช่วยชี้แนะด้วย