E-DUANG : วิทยายุทธ์ “กำลังภายใน” สำนัก “วัดธรรมกาย”

เหมือนกับ “การลอยตัว” จะเป็นเรื่องของ “กำลังภายใน” จะเป็นเรื่องของ “ยุทธนิยาย”

แสดงผ่านวิทยายุทธ “เส้าหลิน” หรือ “บู๊ตึง”
อย่างที่ปรากฏในหลายเรื่องของ “กิมย้ง” อย่างที่ปรากฏในหลายเรื่องของ “โกวเล้ง” หรือแม้กระทั่ง”หวงอี้”
ความจริงในแวดวงพระ “สายวัดป่า” ของไทยก็เคย “มี”
ตัวอย่างที่ชมชอบยกมาเป็นอุทาหรณ์ คือกรณีการลอยตัวของ พระอาจารย์ เสาร์ กันตสีโล
เป็นการลอยตัวระหว่างนั่งสมาธิภาวนา ปรารภความเพียร
มิได้ลอยตัวไปต่อกรสัประยุทธ์กับใคร ไม่ว่าในทาง “โลก” ไม่ว่าในทาง “ธรรม”
กระนั้น สถานการณ์ “ธรรมกาย” ก็มีลักษณะ “ลอยตัว”
เป็นการลอยตัวและล่องหนอย่างที่เห็นผ่าน พระเทพญาณมหามุนี ภายใต้เหตุผลแห่ง “อาพาธ” กระทั่งไม่สามารถออกมา “มอบตัว” ได้
ล่าสุด คือ “การลอยตัว”ของ พระราชภาวนาจารย์

แน่นอน อาการ “ลอยตัว” ไม่ว่าจะจาก พระเทพญาณมหามุนี ไม่ว่าจะจาก พระราชภาวนาจารย์

ไม่ได้เป็นในแบบ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล
ไม่ได้เป็นในแบบ ของท่าน”เตียซำฮง”แห่งสำนักบู๊ตึง ไม่ได้เป็นในแบบ “อิดเอ็งไต้ซือ” กษัตริย์จากแดนใต้
แม้ “ธรรมกาย” จะโดดเด่นในเรื่อง “สมาธิ”
หากแต่เป็นอาการ “ลอยตัว” ในทางโลก เป็นการนำเอาประเด็นในทาง “กฎหมาย” ประเด็นในทาง “การแพทย์” มาเป็นเครื่องมือ
นั่นก็คือ “ลอยตัว” จากอาการ “อาพาธ”
นั่นก็คือ “ลอยตัว” จากตำแหน่งรักษาการ “เจ้าอาวาส”

แรกที่ “ตำรวจ” พยายามขยายกรอบจากการ “แจ้งความ” พระเทพ มหาญาณมหามุนี ไปยัง พระราชภาวนาจารย์

“ตำรวจ” มากด้วย “ความมั่นใจ”
เห็นได้จากการเดินทางไป “แจ้งความ” กล่าวหา พระราชภาวนาจารย์ ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
จากการที่ไม่ยอมนำ พระเทพญาณมหามุนี “มอบตัว”
นั่นหมายความว่า “ตำรวจ” ได้ลาก พระราชภาวนาจารย์ เข้ามาเป็นคู่กรณีอีก 1
จาก “แจ้งความ” ก็จะนำไปสู่ “หมายเรียก”
จาก “หมายเรียก” ก็จะนำไปสู่ “หมายจับ”
พลันที่ถูก “แจ้งความ” กล่าวโทษ พระราชภาวนาจารย์ ก็เผยแสดงวิทยายุทธ “ลอยตัว”
“ลอยตัว” จากตำแหน่ง “รักษาการ” เจ้าอาวาส
“ลอยตัว” หายไปจากวัดพระธรรมกายอย่างไร้ร่องรอยโดยเป็นภาระธุระของ รักษาการ”เจ้าอาวาส” คนใหม่
ก่อสภาพ “นะจังงัง” ขึ้นโดยพลัน