เจาะลึก “เทพโซโล มันทุกเม็ด” โมเดลค้า “ยานรก” โลกโซเชียล อาชญากร (เสมือน) ไร้ตัวตน

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สังคม เศรษฐกิจ รูปแบบการค้าขาย ก้าวล้ำ พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีก้าวไกลและเข้าถึงได้ง่าย เป็นผลดีหากนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ทุกอย่างล้วนเป็นดาบสองคม เมื่อกลายเป็นช่องทางหากินใหม่ของมิจฉาชีพ

เหล่านักค้ายาเสพติดรุ่นใหม่ใช้ช่องทางของเทคโนโลยีเป็นช่องทางการค้า สร้างเครือข่ายใหญ่ เป็นเครือข่ายที่เข้าถึงได้ง่ายและติดต่อสื่อสารได้จากแดนไกล

ตัวอย่างจากคดีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมปีก่อน ทีมงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เข้าจับกุมนายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานฟอกเงินและอั้งยี่ เครือข่ายยาเสพติดของกลุ่มขบวนการค้ายานรก “มันทุกเม็ด” พฤติการณ์ฟอกเงินบาปผ่านธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

เครือข่าย “มันทุกเม็ด” คือหนึ่งในตัวอย่างของขบวนการค้ายาเสพติดยุคใหม่ ที่ใช้โลกออนไลน์เป็นช่องทางการตลาด

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. บูรณาการกำลัง ตำรวจภูธรทุกภาค ตลอดจน ป.ป.ส.เกาะติดปราบปรามเครือข่ายนี้!!

จนพบว่า “มันทุกเม็ด” มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนไทยฝั่งอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ลำเลียงเข้ามาจัดเก็บไว้ตามบ้านเช่าที่ให้คนในเครือข่ายเช่าไว้ในพื้นที่ กระจายเข้าตอนในของประเทศสู่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร

น่าสนใจคือ การหาเครือข่ายกระจายสินค้า พบว่ากลุ่มนี้ใช้ “เฟซบุ๊ก” ทำการตลาด โดยเปิดรับสมัครสมาชิกที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กมากกว่า 30 ชื่อ เช่น ก.โก๋ มันทุกเม็ด ประธานเกเร (มันทุกเม็ด) ราชา ซาตาน (มันทุกเม็ด) เจ้าพ่อพิษณุโลก, เทพบุตรโซโล

ส่วนวิธีการส่งมอบของยังคงใช้วิธีการเดิมๆ คือ วางไว้ตามสถานที่ต่างๆ นัดแนะจุดรับ ช่วง 1-2 ปีแรกได้รับความสนใจเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ต่อมาได้มีการแพร่ขยายไปยังเครือข่าย มีการประกาศหาตัวแทนจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ผ่านทางเฟซบุ๊ก จนมีการแชร์ประจานฟ้องตำรวจในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวางมาแล้วครั้งหนึ่ง

เรียกว่าทำอย่างเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวในกฎหมาย!?

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เผยว่า ตำรวจและหน่วยงานภาครัฐบูรณาการเฝ้าติดตามแก๊ง “มันทุกเม็ด” ทำให้กลุ่มนี้จำเป็นต้องมีการพัฒนารูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการค้าทางออนไลน์ บนโซเชียลมีเดีย เจ้าหน้าที่จึงต้องทำการสืบสวนติดตามให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

“ปัจจุบันรูปแบบของการติดต่อซื้อขายยาเสพติดนั้นมีหลายช่องทาง ทั้งทางระบบออนไลน์ ระบบโลจิสติกส์ ระบบขนส่งทางรถโดยสารสาธารณะ ทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปราบปรามจะต้องพัฒนาการทำงานเช่นกัน ปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ความสะดวกคล่องตัวในทางธุรกิจและทำให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยเร็ว แก๊งมันทุกเม็ดจะใช้วิธีการเปิดเฟซบุ๊กขายยาเสพติด จากนั้นก็จะมีการปิดแอ็กเคาต์ไป อาจจะทำให้ติดตามตัวได้ยากขึ้น สำหรับกระบวนการ วิธีการค้าขายก็คงไม่ต่างจากการขายสินค้าออนไลน์ ที่มีการติดต่อซื้อขายยาเสพติดเข้ามา จากนั้นก็ให้ตัวแทนหรือเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ทำการจัดส่งสินค้า นัดแนะสถานที่ต่างๆ”

พล.ต.ต.พรชัยอธิบาย

ขณะที่ พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง หนึ่งในทีมงาน ศปอส.ตร. เปิดเผยถึง “เทพโซโล” หรือเทพบุตรโซโล นามแฝงของคนร้ายรายสำคัญที่ตำรวจกำลังต้องการตัว หลังก่อเหตุอุกอาจ สั่งกระทืบนักเรียนชายที่ขอนแก่นจนเสียชีวิตเหตุเพราะเบี้ยวค่ายาเสพติด

หนักกว่านั้นคือถ่ายคลิปโพสต์ประจานในเฟซบุ๊กอย่างไม่ยำเกรง ว่า เทพโซโลคือนักค้ายาเสพติดที่ตำรวจต้องการตัว รู้ตัวและไหวตัวหลบหนีไปยังประเทศเมียนมา

“ตัวอยู่นอกประเทศ แต่สร้างเฟซบุ๊กและตั้งแก๊ง “มันทุกเม็ด” ขึ้นมา มีการขายยาเสพติดผ่านทางเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ปี 2559 วิธีการคือ การสร้างเฟซบุ๊กปลอมที่ไม่มีการระบุตัวตน ทำการโพสต์เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมธุรกิจค้าขาย โดยมีการโพสต์เป็นนัยยะสื่อถึงยาเสพติด และก็จะมีคนที่ติดตามหรือเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กเข้ามาสอบถาม จากนั้นก็จะทำการคัดตัวบุคคลที่จะเข้ามาเป็นเครือข่ายโดยดูจากโปรไฟล์ ซึ่งแน่นอนเรียกได้ว่าผีเห็นผี เมื่อพบบุคคลที่คาดว่าน่าจะเอามาเป็นเครือข่ายได้แล้ว ก็จะทำการติดตามกลับไปและให้บุคคลนั้นถ่ายวิดีโอ พร้อมบอกเลขบัตรประชาชนและเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งในช่วงแรกก็จะทำการส่งยาเสพติดจำนวน 50-100 เม็ดไปให้กับตัวแทนที่รับเข้ามาเป็นเครือข่ายไปขายตามสถานที่ของตัวเองภายใน 10 วัน เมื่อขายหมดก็แบ่งเงินตามที่ตกลง ซึ่งสมาชิกเครือข่ายก็จะได้ส่วนต่างตามที่ระบุไว้ตั้งแต่แรก”

ทีม ศปอส.ตร.เผย

พ.ต.ท.เขมรินทร์บอกว่า เหตุที่กลุ่มนี้เลือกใช้ช่องทางผ่านทางเฟซบุ๊ก เพราะความเป็นเทคโนโลยีทำให้มีช่องว่าง เฟซบุ๊กไม่จำเป็นต้องระบุตัวตนว่าใครเป็นใคร สามารถทำได้โดยไม่ต้องแสดงที่อยู่หรือชื่อ-นามสกุลจริง ที่เรียกกันว่าการสร้างตัวตนเทียม และใช้ชื่อเฟซบุ๊กที่น่าสนใจในการดึงดูดคน และเมื่อเฟซบุ๊กมีการให้ยืนยันตัวตนก็จะทำการปิดเฟซบุ๊กดังกล่าวและสร้างเฟซบุ๊กใหม่ขึ้นมา โดยก่อนหน้าที่จะมาเป็นเทพโซโลนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กมาหลายชื่อ โดยชื่อแรกนั้นชื่อ “เทพบุตรแห่งลูกอมรสช็อกโกแลต” ซึ่งลูกอมรสช็อกโกแลตก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหมายถึงยาเสพติด ต่อมาเป็น “มัจจุราชเพชรบูรณ์” และเป็น “เทพโซโล”

“ขณะนี้สืบสวนทราบแล้วพบว่าผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก “เทพโซโล” คือ นายปัณณวิชญ์ ประชุม อายุ 30 ปี ชาวพิจิตร มีอีกชื่อว่า “โก๋แก่” เป็นหัวหน้าขบวนการมันทุกเม็ด ขบวนการค้ายาเสพติด ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับนายปัณณวิชญ์ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ร่วมใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่น อั้งยี่ ซ่องโจร จากกรณีจ้างฆ่านักเรียนชายที่ขอนแก่น และพบว่ามีหมายจับค้างเก่าอยู่มากกว่า 2 หมายจับในหลายท้องที่เกี่ยวกับคดียาเสพติด” พ.ต.ท.เขมรินทร์กล่าว

และว่า นายปัณณวิชญ์มักจะเดินทางเข้า-ออกไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นประจำโดยใช้ช่องทางธรรมชาติติดต่อกับกลุ่มค้ายาในประเทศเพื่อนบ้าน บางครั้งก็สั่งการค้ายาและทำร้ายร่างกายเครือข่ายที่ไม่ทำตามคำสั่งตอนอยู่ฝั่งไทย บางครั้งก็ทำขณะพำนักในประเทศเพื่อนบ้าน

เทคโนโลยีที่ก้าวไกลมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแค่ไหน แต่ด้วยการทำงานที่พัฒนาอยู่สม่ำเสมอของเจ้าหน้าที่ก็ทำให้สืบสวนจนทราบตัวคนร้ายและทำการออกหมายจับได้ในที่สุด