15 ปี ชายแดนใต้ รุนแรง-โหดเหี้ยม-สูญเสีย ฝากความหวังแม่ทัพสีกากี!!

“รู้ตั้งแต่แรก รู้ตั้งแต่เริ่ม การที่พี่ตัดสินใจมาทำงานที่ตรงนี้มันมีความเสี่ยงสูง แต่พี่ก็มักพูดเสมอว่า ถ้าคนเรามันจะตาย ยังไงก็ต้องตาย หนูรู้ว่าสักวันหนึ่งต้องมีวันนี้ แต่พอมาถึงวันนี้ หนูทำใจรับมันไม่ได้จริงๆ จะทำใจยังไงถึงจะไหว ตอนนี้พ่อกับแม่จะอ่อนแอสักแค่ไหน พี่บอกเสมอพี่รักและภักดีในการทำหน้าที่ตรงนี้ หนูรู้ว่าครั้งนี้พี่ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว พี่อาจมีความสุขที่พี่จากไปในหน้าที่ แต่คนทางนี้ตั้งกี่คนที่เสียใจกับการจากไปโดยไม่ได้ร่ำลา….#ต้องเสียน้ำตาอีกแค่ไหนถึงจะทำใจได้”

อัจฉรา คมขำ หรือครูแตง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ขณะเดินทางจากจังหวัดชุมพรบ้านเกิดไปยังจังหวัดปัตตานีเพื่อรอรับศพสามี “ส.ต.อ.เฉลิมพล คมขำ” ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจภูธรนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ที่เสียชีวิตจากเหตุ 6 คนร้ายบุกชิงปืนสาดกระสุนเสียชีวิตคาป้อมหน้าโรงพัก

เหตุเกิดกลางวันแสกๆ ที่โรงพักนาประดู่ ริมถนนใหญ่เส้นทางปัตตานี-ยะลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา

เป็นอีกหนึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัวตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการก่อการร้ายของกลุ่มโจรทมิฬในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

เป็นอีกหนึ่งความสูญเสียไพร่พล เบี้ยบนกระดาน ต่อเนื่องยาวนาน 15 ปี ท่ามกลางคำถามดังชัดว่า เหตุเข่นฆ่า ทำร้ายทำลาย ครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดจากสาเหตุใด

และคำตอบแสนงุนงงอันแผ่วเบาจากผู้มีอำนาจ ผู้ปกครอง บังคับบัญชาของไทย ซึ่งเปรียบดังม้า ขุน โคนบนหมาก ที่ยังตอบไม่ชัดว่าสาเหตุใหญ่ที่แท้จริงของการก่อการของกลุ่มโจรขบวนการเกิดจากอะไร

นับแต่ปลายปี 2561 เหตุระเบิดที่แหลมสมิหลา อ.เมืองสงขลา ทำลายรูปปั้นนางเงือกแลนด์มาร์กเมืองสงขลาได้รับความเสียหาย พบระเบิดประปรายในพื้นที่ใกล้เคียง

ต่อเนื่องเหตุร้ายที่ อ.เทพา จ.สงขลา คนร้ายฆ่าแขวนคอครูเกษียณปล้นรถยนต์ไปก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ฐานที่ตั้งหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน

อีกไม่กี่วันต่อมาเหตุร้ายย้ายไปในพื้นที่ปัตตานี ยิงถล่มฆ่าอาสาสมัครรักษาดินแดนในโรงเรียนต่อหน้านักเรียน ใน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ต่อเนื่องเหตุปะทะต่อสู้เพื่อหลบหนีในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี

เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารกดดันไล่ล่าคนร้ายนำไปสู่เหตุปะทะเดือดวิสามัญคนร้ายยิง อส. ที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

รุ่งขึ้นคนร้ายกราดยิงโรงพัก ฆ่าตำรวจที่ สภ.นาประดู่ จ.ปัตตานี

เหตุล่าสุด พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ระบุเป็นการตอบโต้การจับโจรฆ่า อส. และเหตุตั้งแต่ระเบิดนางเงือกเมืองสงขลา ฆ่าครู คาร์บอมบ์ ยิงในโรงเรียน ยิงโรงพักฆ่าตำรวจ เป็นฝีมือของกลุ่มเดียวกัน เชื่อมโยงตัวละครเกี่ยวพันกัน

รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงชี้ว่า การก่อการอันโหดเหี้ยมต่อเนื่องกันนี้เป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ Barisan Revolusi Nasional หรือบีอาร์เอ็น เกิดขึ้นหลังการปรับโครงสร้างผู้นำ ผู้บริหารใหม่ของกลุ่ม ที่ต้องการแสดงฝีมือ โชว์ผลงานชุดปฏิบัติการใหม่ที่เพิ่งออกจากอะคาเดมีฝึกรบกองโจร

แฟ้มภาพ

ส่วนหนึ่งเป็นการแสดงแสนยานุภาพ แสดงการไม่ยอมรับการพูดคุยสันติภาพที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งรับเลือกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เป็นตัวแทนผู้เจรจาของทางการไทย ภายใต้ชื่อคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับ ตัน สรี อับดุล ราฮิม บิน โมฮัมหมัด นูร์ หัวหน้าคณะผู้อำนวยความสะดวกของฝั่งมาเลเซีย เพื่อต่อสายพูดคุยสันติภาพถึงกลุ่มคณะพูดคุยฝ่ายผู้เห็นต่าง หรือมารา ปาตานี

ย้อนไปเมื่อกลางปี 2560 ตัวแทนบีอาร์เอ็น กองกำลังหลักก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดกว่าสิบปี ให้สัมภาษณ์พิเศษบีบีซีไทย เรียกร้องรัฐบาลไทยให้มาเจรจาสันติภาพโดยตรงกับกลุ่มบีอาร์เอ็น แทนการเจรจากับกลุ่ม “มารา ปาตานี” ซึ่งผ่านมาเกือบ 2 ปีก็ยังคงยืนยันจุดยืน!!

ขณะที่อีกรายงานระบุว่า ความพยายามในการเจาะฐานเสียงชายแดนใต้ของกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ ในขณะนี้ ในห้วงที่ทุกพรรคการเมืองหาเสียงพร้อมเลือกตั้งใหญ่ เป็นหนึ่งในปัจจัยของเหตุรุนแรงเพื่อการชิงชัย รักษาพื้นที่การเมืองชายแดนใต้ไว้

ขณะที่สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้งชัดเจนว่ามีเรื่องของสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด ของเถื่อนผสมโรงและเป็นท่อน้ำเลี้ยง!!??

ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยทุ่มงบประมาณ ทุ่มสรรพกำลัง เสียไพร่พลไปมากมายเพื่อต่อสู้กับอะไรกันแน่?!

หลายปีมานี้มีคำถามดังกึกก้องในพื้นที่ชายแดนปลายด้ามขวาน ถามหาความจริงใจในการแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้จากภาครัฐไทย โครงสร้างรูปแบบองค์กรแก้ปัญหาชายแดนใต้ถูกตั้ง ปรับ เปลี่ยนมาตลอด 15 ปี แต่จนวันนี้ เหตุความรุนแรงกลับไม่ลดความรุนแรงลงแม้แต่น้อย ทว่ากลับเหี้ยมโหดมากขึ้น และยังไกลเกินกว่าจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ หรือ DEEP SOUTH WATCH รายงาน ณ วันที่ 4 มกราคม 2562 ครบรอบ 15 ปี จากเหตุปล้นปืนค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาส เมื่อ 4 มกราคม 2547 ถึงธันวาคม 2561 เกิดเหตุการณ์ร้ายก่อความไม่สงบในพื้นที่แล้ว 20,163 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 6,921 คน ได้รับบาดเจ็บ 13,511 คน

เฉพาะเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา เกิด 54 เหตุการณ์ ระเบิดถึง 19 ครั้ง ปะทะ 5 ครั้ง ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย 41 คน ในจำนวนเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากเหตุแบ่งแยกดินแดน 23 เหตุ อาชญากรรม 6 เหตุ ยาเสพติด 1 และไม่ชัดเจน 24 เหตุการณ์

เป็นสถิติที่สะท้อนว่าเหตุร้ายยังเกิดต่อเนื่องในพื้นที่ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสงขลา

สํานักงานตำรวจแห่งชาติหนึ่งในกลไกหลักรักษาความสงบบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ใต้ปีกของกองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการภาค 9 “แม่ทัพสีกากี” ที่คลุกวงในอยู่ในพื้นที่นับแต่เหตุปล้นปืน 2547 สมัยยังสังกัดกองบังคับการปราบปราม แม้ปัจจุบันเป็น ผบช.คุมพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด ก็ยังคลุกวงในสืบสวนสอบสวน เกาะติดพื้นที่ปลายด้ามขวานกับผู้ใต้บังคับบัญชา

เป็นอีกหนึ่งความหวังนำทัพตำรวจปราบปรามรักษาความสงบในชายแดนใต้ และปลุกขวัญ ปลุกกำลังใจตำรวจใต้ที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนร่วมรบ

ด้วยความหวังที่จะเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยต้นสังกัด ให้ความสำคัญกับตำรวจชายแดนใต้ จริงใจในการดูแลกำลังพลให้มีกำลังใจในการต่อสู้ ตอบแทน ดูแล เสริมศักยภาพ เช่นในอดีตที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยทำและให้ความสำคัญ

ที่มิใช่แค่การตรวจเยี่ยม ตบไหล่แล้วจากไป!!??