หนุ่มเมืองจันท์ : ตำแหน่งที่สำคัญ

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ผมเป็นแฟนทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มีนักเตะในดวงใจหลายคน

แต่ที่ชอบมากที่สุดคนหนึ่งคือ “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา”

“โซลชา” มีฉายาประจำตัวอยู่ 2 ฉายา

ฉายาแรก “เพชฌฆาตหน้าทารก”

เพราะเขาเป็นศูนย์หน้าที่หน้าตาอ่อนกว่าวัย

ฉายาที่สอง “ซูเปอร์ซับ”

แฟนบอลจำช่วงเวลาที่เขาเป็น “ตัวสำรอง” ได้มากกว่าตอนที่เป็น “ตัวจริง”

เพราะทุกครั้งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม

“โซลชา” มักจะยิงประตูได้

และเป็นประตูชัยที่ทำให้แมนยูฯ พลิกเกมกลับมาชนะ

แม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะ “ซูเปอร์ซับ”

แต่คงไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่มีความสุขกับการเป็น “ตัวสำรอง”

ทุกคนอยากเป็น “ตัวจริง”

“โซลชา” ก็เช่นกัน

ด้วยฝีเท้าระดับเขา มีทีมต่างๆ อยากได้ตัวเขาไปร่วมทีมมากมาย

ครั้งหนึ่ง เขาเกือบจะย้ายทีม

การเจรจาทางธุรกิจเรียบร้อยแล้ว แต่ “อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ผู้จัดการทีมที่เป็น “ต้นแบบ” ของ “โซลชา” เรียกเขาไปคุยส่วนตัว

“เฟอร์กูสัน” ไม่อยากให้ย้าย

ยืนยันว่าทีมยังต้องการเขา และเขามีความสำคัญกับทีมมาก

“โซลชา” ตัดสินใจไม่ย้าย

แม้จะรู้ว่าถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป

เขาก็ยังเป็น “ตัวสำรอง” เหมือนเดิม

แต่เพราะ “โซลชา” ตระหนักว่าทุกตำแหน่งล้วนมี “ความสำคัญ”

“กองหน้า” สำคัญ

“กองหลัง” ก็สำคัญ

“ตัวจริง” สำคัญ

“ตัวสำรอง” ก็สำคัญ

คนที่อยู่ “ในสนาม” แม้จะได้ลงเล่น แต่เขาก็ไม่ได้มองเห็นเกมชัดเจนเท่ากับ “นักเตะ” ที่นั่งอยู่ข้างสนาม

“เฟอร์กูสัน” เคยบอกว่า “โซลชา” เป็นนักเตะที่วิเคราะห์และอ่านเกมดีที่สุด

ตอนอยู่ข้างสนาม เขาจึงไม่ได้แค่นั่งรอ “โอกาส” ลงสนาม

แต่ “โซลชา” มองหา “โอกาส” ที่จะยิงประตู

มองหา “จุดอ่อน” ของ “คู่แข่ง”

ดังนั้น เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม

เขาจึงยิงประตูได้แทบทุกครั้ง

เพราะคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะทำอะไร

ตั้งแต่อยู่ข้างสนาม

แต่เรื่องหนึ่งที่หลายคนนึกไม่ถึงก็คือ ตอนที่นั่งข้างสนาม “โซลชา” ไม่ได้มองแค่เกมในสนาม

เขาจ้องมอง “เฟอร์กูสัน” ตลอด

เก้าอี้ตัวสำรองที่เขานั่งอาจแย่ที่สุดของการเป็น “นักเตะ”

แต่เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการศึกษาความเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมของ “เฟอร์กูสัน” อย่างใกล้ชิด

เห็นการบัญชาการ การแก้เกม และการตัดสินใจว่าจะส่งตัวสำรองคนไหนตอนไหน

“โซลชา” ใช้ความเป็น “ตัวสำรอง” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

และไม่เพียงแต่นั่งมอง “เฟอร์กูสัน” ในสนาม

เชื่อไหมครับว่า ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา “โซลชา” จดบันทึกตารางการซ้อมทีม และวิธีการจัดการสถานการณ์ต่างๆ ของ “เฟอร์กูสัน” อย่างละเอียด

เขาเก็บละเอียดทุกเม็ด

เพราะ “ความฝัน” ของ “โซลชา” หลังจากอำลาสนามก็คือ การกลับมาในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้ง

ในฐานะ “ผู้จัดการทีม”

แล้ววันนั้นก็มาถึง

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ปลด “โชเซ่ มูริญโญ่”

และแต่งตั้ง “โซลชา” มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราว

โชคชะตายังคงเส้นคงวากับ “โซลชา”

ตอนเป็น “นักเตะ” เขาก็เป็น “ตัวสำรอง” ที่เปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงครึ่งหลัง

พอมารับตำแหน่ง “ผู้จัดการทีม” ก็มารับตำแหน่งกลางฤดูกาล

แม้จะเป็น “ผู้จัดการทีม” มือใหม่

แต่หลังจากเข้ามาคุมทีม “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ก็เปลี่ยนไปทันที

ทั้งที่นักเตะก็ชุดเดิม

จากทีมที่เล่นน่าเบื่อ เน้นเกมรับมากกว่าเกมรุก

“ผีแดง” กลับมาเหมือนเดิม

เป็นทีมเล่นเกมรุกอย่างน่ากลัว

ยิงประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่น

คว้าชัยชนะ 5 นัดติดต่อกัน

หลังจากพ้นยุค “เฟอร์กูสัน” ตอนนี้เป็นช่วงที่แมนยูฯ เล่นสนุกที่สุด

กองเชียร์มีความสุข

เขานำสิ่งที่เรียนรู้จาก “เฟอร์กูสัน” มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

เริ่มจากการปลดปล่อยศักยภาพของนักเตะออกมาอย่างเต็มที่

ประโยคหนึ่งที่ “เฟอร์กูสัน” พูดกับนักเตะทุกครั้งก่อนลงสนามก็คือ “ปล่อยตัวตนออกมา สนุกกับเกม แสดงให้เห็นว่าทำอะไรได้บ้าง”

ก่อนจะตบท้ายว่า “แต่พวกแกอย่าพลาดล่ะ”

สมัย “มูริญโญ่” จะบังคับผู้เล่นทุกคนให้เล่นตามแผนที่วางไว้อย่างละเอียด

นักเตะเล่นด้วยความกลัวที่จะผิดพลาด

ไม่กล้าเสี่ยง

“โซลชา” เหมือนคนที่มาตัดสายสิญจน์แห่งความกลัวออก

ปล่อยผีให้ออกมาเต้นระบำ

Soccer Football – Premier League – Cardiff City v Manchester United – Cardiff City Stadium, Cardiff, Britain – December 22, 2018 Manchester United interim manager Ole Gunnar Solskjaer REUTERS/Rebecca Naden EDITORIAL USE ONLY. No use with unauthorized audio, video, data, fixture lists, club/league logos or “live” services. Online in-match use limited to 75 images, no video emulation. No use in betting, games or single club/league/player publications. Please contact your account representative for further details.

นักเตะทุกคนปลดปล่อยความสามารถออกมาอย่างเต็มที่

“โซลชา” เคยเล่าว่าตอนที่คุมทีม “คาร์ดิฟฟ์”

สิ่งหนึ่งที่เขาทำประจำคือ การทำอะไรโก๊ะๆ ผิดพลาดต่อหน้านักเตะ

เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าคนเราผิดพลาดได้

อย่ากลัวที่จะผิดพลาด

มีหลายเรื่องที่ผมเรียนรู้จาก “โซลชา”

เรื่องแรก คือเรื่อง “ทัศนคติ”

เขาเป็นคน “คิดบวก” มาก

คนที่เคยนั่งข้างสนาม อยู่ในฐานะ “ตัวสำรอง” มายาวนาน

ถ้าคิดลบ “โซลชา” คงไม่มีวันนี้

แต่เพราะเขามองหา “ข้อดี” จากความเป็น “ตัวสำรอง” เจอ

ใช้ช่วงเวลาของการนั่งรอลงสนาม มองเกมและวิเคราะห์เกม

ซึมซับความเป็น “ผู้จัดการทีม” จาก “เฟอร์กูสัน”

เรียนรู้ในสิ่งที่นักเตะตัวจริงไม่มีโอกาสจะเรียนรู้

เรื่องที่สอง ความเข้าใจ

นักเตะทุกคนล้วนมีความสำคัญ

ไม่ว่า “ตัวจริง” หรือ “ตัวสำรอง”

เขาจะนั่งคุยกับนักเตะที่ไม่ได้เล่น

“ไม่มีใครเข้าใจตัวสำรองมากกว่าผมอีกแล้ว”

การเข้าใจถึงความรู้สึกที่แย่ที่สุดของ “นักเตะ” คือคุณสมบัติที่สำคัญของคนเป็น “ผู้นำ”

เรื่องที่สาม ไม่ปล่อย “โอกาส” ให้ผ่านไป

“โซลชา” มี “เวลา” ในสนามน้อยกว่านักเตะที่เป็น “ตัวจริง”

แต่เขาไม่เคยก่นด่าโชคชะตา

ทันทีที่มี “โอกาส” ลงสนาม

เขาใช้ “เวลา” ที่เหลืออยู่ในสนามอันน้อยนิดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเราเต็มที่กับมัน

เรื่องสุดท้าย ทุกตำแหน่งล้วนสำคัญ

ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใด

บนสุดหรือล่างสุด

ขอเพียงแค่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น

เพราะเราไม่รู้ว่าความรู้จากตำแหน่งที่ยืนในวันนั้นอาจจะเป็นประโยชน์กับเราในวันนี้

เหมือนกับสิ่งที่ “โซลชา” เรียนรู้จากเก้าอี้ “ตัวสำรอง”

ตำแหน่งที่ดีที่สุดของชีวิตจึงเป็นตำแหน่งในโลกแห่งความเป็นจริง

ตำแหน่งที่เรายืนอยู่ในวันนี้