เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์/คำขวัญวันเด็ก…อีกครั้ง

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

คำขวัญวันเด็ก…อีกครั้ง

 

คําขวัญวันเด็กประจำปี 2562 ที่ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ลุงตู่” ของหลานๆ ได้มอบให้เนื่องในวันเด็กแห่งชาติปี 2562 ก็คือ

“เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ”

ก็นับว่า สั้น กระชับ ได้ใจความ ไม่ยืดยาวเหมือนบางปี

ทั้งนี้ก็ด้วยจุดประสงค์ให้เด็กและเยาวชนของไทยได้น้อมนำแนวทางจิตอาสาที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานให้ไว้ในช่วงที่ผ่านมา ได้นำมาปรับใช้ ต่อยอด เพื่อสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม

เมื่อพูดถึงวันเด็ก ก็มีคำถามว่าแล้วชาติอื่นมีวันเด็กหรือไม่ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมเหมือนเมืองไทยไหม เมื่อไปค้นประวัติดูก็จะพบที่มาของวันเด็ก

ดังนี้

 

วันสำหรับเด็กนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2497 โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (The United Nations General Assembly) ได้แนะนำให้ทุกๆ ประเทศจัดให้มีวันพิเศษเฉลิมฉลองให้แก่เด็กๆ ในวันใดวันหนึ่งตามความเหมาะสมของแต่ละประเทศ เพื่อชี้ให้ทุกคนได้เห็นความสำคัญของเด็ก และช่วยกันปกป้องเด็กจากการทำงานหนัก รวมทั้งหยิบยื่นให้เด็กได้มีโอกาสรับการศึกษาที่ดีอีกด้วย

สำหรับงานวันเด็กแห่งชาติของไทยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2498 โดยเลือกวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมเป็นวันจัดงาน โดยรัฐบาลจัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

จากนั้นงานวันเด็กของไทยเราก็ได้จัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม จนถึงปี พ.ศ.2506 แต่ในปี พ.ศ.2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี 2508 และได้เปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้

เราเลยจำกันขึ้นใจว่าวันเด็กของไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม

 

ส่วนวันเด็กของชาติต่างๆ ก็จัดขึ้นในวันที่แตกต่างกันไป แต่ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่ถึง 20 ประเทศเลยที่ได้กำหนดให้วันเด็กของตนนั้นตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ดังเช่น โรมาเนีย โปรตุเกส โปแลนด์ เช็ก รัสเซีย หรือประเทศในเอเชียอย่างจีน เวียดนาม ลาว พม่า ก็ด้วย

สำหรับคำขวัญวันเด็กมีที่มาอย่างไร คำตอบคือคำขวัญวันเด็กนั้นเป็นคำขวัญที่ผู้นำประเทศคือนายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย มีขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2499  ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยของท่าน ที่มักจะใช้ “วลี” ในการสร้างกระแสหรือความเชื่อให้เกิดแนวร่วมต่างๆ เช่น “เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย” หรือ “ท่านผู้นำไปไหน ฉันไปด้วย” หรือ “ไทยอยู่คู่ฟ้า” เป็นต้น

สำหรับคำขวัญวันเด็กครั้งแรกที่จอมพล ป. มอบให้กับหลานๆ มีว่า

“จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม” ต่อมาจึงได้ถือเป็นธรรมเนียมที่จะต้องมีคำขวัญจากท่านผู้นำสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

จะว่าไปแล้ว คำขวัญในปีแรกนั้นก็มีความหมายคล้ายคลึงกับในปีปัจจุบันไม่น้อย เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับ “การทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม” เหมือนๆ กัน

คำขวัญแรก ในปี 2499 มีว่า “จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม”

ส่วนคำขวัญล่าสุดในปี 2562 นี้มีว่า “เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ”

ทำให้คิดได้สองอย่างคือ ไทยเรานั้นให้ความสำคัญกับเรื่องประโยชน์ของส่วนรวมจริงจังต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

หรืออีกอย่างหนึ่งคือ ผ่านไป 63 ปีแล้ว ไทยเรายังต้องมาบอกกล่าวเรื่องเดิมๆ คือเรื่องส่วนรวมอยู่นั่นแล้ว เพราะเด็กไทย เยาวชนไทยทำไม่ได้สักที

อย่างไรก็ตาม น้องๆ เยาวชนก็ได้รับคำขวัญของปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งจะว่าไปแล้วก็อาจจะเหมาะสมดีสำหรับวิธีคิดและพฤติกรรมของเด็กๆ รุ่นนี้ ที่เรามักจะรู้สึกว่าเด็กยุคนี้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดแต่เรื่องของตนเอง ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของคนอื่น หรือไม่รับรู้เรื่องที่อยู่รอบๆ ตัวเท่าที่ควร

 

นั่นเป็นคำขวัญวันเด็กจากผู้นำของประเทศคือ “นายกรัฐมนตรี” ที่มีมุมมองในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่บริหารประเทศ

ซึ่งถ้าให้องค์กรต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ได้มีโอกาสคิดคำขวัญในมุมของแต่ละคนเพื่อมอบให้เด็กๆ บ้าง ก็อาจจะได้เห็นคำขวัญที่มีมุมมองแตกต่างกันไปแน่นอน เช่น

คำขวัญวันเด็กของ “พรรคการเมือง” ก็จะเป็น

“เด็กไทยวันนี้ คือฐานเสียงวันหน้า ควรหมั่นศึกษา จะได้เป็นหัวคะแนน”

คำขวัญวันเด็กของ “ตำรวจไทย” ล่ะ ก็ต้อง…

“เด็กไทยวันนี้ อาจต้องคดีในวันหน้า ตั้งใจศึกษา ใช้หาค่าปรับ”

แล้วของ “กระทรวงแรงงาน” ล่ะ ขอนำเสนอ “เด็กฉลาด ชาติพัฒนา เด็กกำยำ มาแบกหามกันดีกว่า”

ของ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” ของท่านสมยศ ต้องคำขวัญนี้เลย “เด็กไทยต้องไม่อาย ใครจะอายช่างหัวมัน”

ส่วนของ “กรมการศาสนา” คงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่า “เด็กวัดในวันนี้ คือสมภารในวันหน้า”

ถ้าเป็นของ “กระทรวงศึกษาธิการ” ต้องเป็น “เด็กไทย ตั้งใจศึกษา หมั่นกวดวิชา พาชาติเจริญ”

 

ท่านนายกรัฐมนตรีมีคำขวัญวันเด็กมอบให้เป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าเป็นรองนายกฯ แล้วอยากมีบ้างจะเป็นอย่างไรนะ งั้นเอาคำขวัญของท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สักหน่อยเป็นไร

“เด็กไทยจะพัฒนา ต้องยืมนาฬิกาเพื่อนใส่” เป็นไงดีไหมครับ

ส่วนของ “คสช.” อันนี้ต้องมี ไม่มีไม่ได้ คำขวัญวันเด็กก็คือ

“เด็กไทย ใฝ่พัฒนา คืนความสุขอย่างช้าๆ ดีกว่าไม่คืน”

จบเรื่อง “วันเด็ก” แต่เพียงนี้ดีกว่านะครับ เดี๋ยว “ผู้ใหญ่” บางท่านจะว่าเอา…แฮ่ม