วงค์ ตาวัน : มือระเบิด-ช่างแอร์ และเบสนักพูด

มีข้อน่าสังเกตว่า ทีมโฆษกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวมทั้งทีมโฆษกของรัฐบาล คสช. มักจะออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในบ้านเมือง ด้วยการกล่าวอ้างว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ โดยมักเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มนักการเมืองที่เพิ่งหมดอำนาจไปอยู่บ่อยๆ

พูดจาตามภาษาชาวบ้านก็ต้องว่า โยนให้นักการเมืองอำนาจเก่าอยู่เรื่อย

“แต่ลงเอยเมื่อเหตุการณ์นั้นคลี่คลายลงไป ข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเริ่มปรากฏ ดูจะไม่ค่อยตรงกับข้อมูลที่คณะโฆษกเหล่านี้ระบุเอาไว้สักเท่าไร!?”

เช่น ระเบิดทั่วภาคใต้ ก็ซัดใส่นักการเมืองตรงข้ามรัฐบาล ต่อมาพยานหลักฐานชี้ได้ว่า ล้วนมาจากทีม 3 จังหวัดใต้ แถมได้ดีเอ็นเอตามหลักวิทยาศาสตร์นำไปสู่การออกหมายจับ ก็ล้วนผู้ต้องหาที่มีประวัติในคดีไฟใต้ทั้งสิ้น

people38441
เบส อรพิมพ์ รักษาผล นักพูดชื่อดัง

มาล่าสุด กรณี “เบส อรพิมพ์ รักษาผล” นักพูดคนดัง ที่กำลังดังสนั่นไปทั่วทั้งอีสาน ด้วยการพูดพาดพิงถึงคนทั่วทั้งดินแดนที่ราบสูง จนเกิดกระแสความไม่พอใจขึ้นมานั้น

เมื่อเริ่มมีการตรวจสอบต่อไปอีกว่า การเดินสายพูดที่เกิดปัญหาของนักพูดสาวนั้น เกี่ยวพันกับกองทัพหรือ คสช. อย่างไร มีการว่าจ้างกันหรือไม่ และจำนวนเงินเป็นไปตามระเบียบราชการอย่างถูกต้องรึเปล่า

ทีมโฆษกของ คสช. ได้ออกมาตอบโต้ชี้แจงทันที โดยมีการกล่าวอ้างถึง

“การขยายเรื่องบิดเบือน โดยมีกลุ่มคนที่จุดกระแสเรื่องเหล่านี้อยู่ เพราะต้องการที่จะนำไปสู่ความแตกแยก!”

กลุ่มที่จุดกระแสเรื่องนี้ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ตามที่โฆษก คสช. ระบุนั้น คือใคร ไม่มีการระบุรายละเอียดที่แน่ชัด

ข้อสำคัญจุดกระแสกันอย่างไร ยังน่าสงสัย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจาก คลิปที่บันทึกคำพูดสีหน้าท่าทางของ เบส อรพิมพ์ โดยไม่มีการตัดต่อ

“เจ้าตัวก็มิได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้กล่าวถ้อยคำที่เกิดปัญหานั้น เพียงแต่เรียกร้องให้ดูคลิปทั้งหมด อย่าตัดตอนดูเป็นก้อนๆ”

ถ้าเรื่องนี้จะมีผู้อยู่เบื้องหลังสร้างเรื่อง ก็ควรจะเป็นกรณีที่มีการตัดต่อคลิป บิดเบือนถ้อยคำในคลิป

แต่นี่เป็นคลิปที่เจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าพูดจริง แต่อ้างว่าไม่ได้มีเจตนากล่าวร้าย รวมทั้งกล่าวขอโทษที่เกิดความเข้าใจผิดด้วย

ความผิดอยู่ที่คนย้อนคลิปที่บันทึกจากคำพูดจริงนั้นมาดู จนเกิดความไม่พอใจกระนั้นหรือ

“นี่หรือคือกลุ่มที่จุดกระแสเพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยก ตามที่ทีมโฆษกของ คสช. ระบุ!?”

ในสายตาของทีมโฆษก คสช. จึงเท่ากับว่า ต้นเรื่องอันมาจากคำพูดของนักพูดนั้นไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่คนสร้างปัญหา

คนที่ฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจกระมัง คือกลุ่มที่เป็นปัญหา

4010-1
นายศุภกิจ ปั้นแปลก อายุ 43 ปี ชาว หมู่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ผูกคอตาย โดยนางอุบล ภรรยาผู้ตายระบุว่า สามีเคยบ่นว่าราคาข้าวตอนนี้ตกต่ำมาก

ก่อนหน้านี้ เกิดกรณีราคาข้าวตกต่ำรุนแรง เหลือแค่กิโลกรัมละ 5 บาท มีการออกข่าวจากฟากรัฐบาลทันทีว่า เป็นฝีมือของนักการเมืองและโรงสี ร่วมกันกดราคาข้าว เพื่อต้องการให้ชาวนาเกิดความไม่พอใจและต่อต้านรัฐบาล

ออกข่าวปุ๊บ ได้ผลทันที ส่งผลให้นายกสมาคมโรงสีข้าวไทยพร้อมกรรมการ ประกาศลาออกทั้งชุด หลังจากแถลงยืนยันว่า โรงสีไม่เคยมีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหา

“จนสุดท้ายนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกมากล่าวขอโทษและเรียกร้องให้ช่วยกันทำงานต่อ”

อีกทั้งต่อมา รัฐบาลก็ต้องออกมาตรการอุ้มราคาข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนาชุดใหญ่

เท่ากับยอมรับว่า ปัญหาราคาข้าวต่ำเกิดขึ้นจริง ด้วยปัญหาตลาดข้าว ปัญหามรสุมฝนฟ้าทำให้ข้าวเกิดความชื้น

“จากนั้นข้อมูลเรื่องนักการเมืองอยู่เบื้องหลังก็ค่อยๆ จางหายไป”

ในจังหวะเดียวกันนั้น ได้เกิดเหตุสลดชาวนาที่พิจิตร ผูกคอตายอย่างน่าเศร้า โดยบรรดาคนในครอบครัวญาติพี่น้อง บอกเล่าเบื้องหลังว่า มาจากความเครียดเรื่องหนี้สินเนื่องจากราคาข้าวนั่นเอง

เป็นคำให้สัมภาษณ์ของคนในครอบครัว ไม่ได้มาจากการเสกสรรปั้นแต่งของนักข่าว

“แต่แล้วข่าวที่ออกมาจากคณะโฆษกรัฐบาลก็คือ สื่อบางสำนักเสนอข่าวไปเอง โดยคนตายนั้นแท้จริงแล้ว เป็นช่างแอร์ ไม่ได้ทำนาเป็นหลัก”

จนกระทั่งบรรดาผู้นำท้องถิ่น คนในครอบครัว ต้องออกมายืนยันกันอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปดูแลเยี่ยมเยียนก็ได้รับคำยืนยันว่า ตายเพราะหนี้สินการทำนา

ขณะที่รายงานของกระทรวงมหาดไทย ที่สรุปจากพื้นที่ ก็บ่งบอกรายละเอียดว่า ผู้ตายมีนากี่ไร่ ไปกู้เงินและจำนองนาที่ไหนบ้าง

ยืนยันชัดเจนว่าทำนาแน่ๆ ส่วนข้อมูลช่างแอร์เคยทำบ้างนานมาแล้ว

ที่สำคัญ เป็นที่เข้าใจกันได้ไม่ยากว่า ชาวนาจำนวนไม่น้อย เมื่อหมดหน้านา ก็ต้องดิ้นรนไปหางานอื่นทำ เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่เมื่อถึงฤดูเพาะปลูกก็ต้องกลับมาปลูกข้าวอันเป็นอาชีพหลัก

“ถ้าจะพูดตามลีลาของคณะโฆษกรัฐบาล เราอาจไม่มีชาวนาในประเทศนี้เลย”

บางคนก็เป็นคนขับแท็กซี่ บางคนก็เป็นกรรมกรก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นคนมีอาชีพรับจ้างขายแรงทั่วๆ ไป

จนสุดท้ายกระแสข่าว ช่างแอร์พิจิตรฆ่าตัวตาย ก็ค่อยๆ เงียบหายไป พร้อมกับบทสรุปชัดเจนว่า คือชาวนาที่ตายเพราะหนี้สินจากราคาตกต่ำ

1428687823_201504110000122-20060530143915-1
เหตุระเบิดลานจอดรถชั้นใต้ดินห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลเกาะสมุย เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2558

เหตุการณ์ลอบวางระเบิดรุนแรงที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงรัฐบาล คสช. หากย้อนดูข่าว จะพบว่าทีมโฆษกรีบร้อนออกข่าวซัดใส่กลุ่มการเมืองตรงข้ามรัฐบาลแทบทุกครั้งเช่นกัน

ย้อนไปเมื่อ 10 เมษายน 2558 เกิดคาร์บอมบ์ในที่จอดรถใต้อาคารของห้างเซ็นทรัล เกาะสมุย ซึ่งดูลึกลับซับซ้อนมาก ในเบื้องต้นตำรวจยังงุนงงในการคลำหาสาเหตุ แต่ไม่ทันไรก็มีข่าวจากฟากรัฐบาลทันทีว่าเป็นฝีมือของกลุ่มการเมือง

“ต่อมายังมีผู้เสริมเติมข้อมูลน่าตื่นตะลึงว่า มีนักการเมืองใหญ่ไปปรากฏตัวที่สมุยในช่วงเกิดเหตุอีกด้วย”

ทำให้ฝ่าย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ต้องออกมาตอบโต้ว่า พล.อ.ชวลิต เดินทางไปจริง ไปอย่างเปิดเผย โดยไปเป็นประธานงานรำลึกเขาช่องช้างของอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี และ พล.อ.ชวลิต ก็ไปร่วมงานเสมอ ภายในงานมีหน่วยข่าวของทหารมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

จากนั้นแวะไปพักที่เกาะสมุย โดยมีอดีตนักการเมืองกลุ่มวาดะห์มาพบปะพูดคุย

“คำถามจากฟาก พล.อ.ชวลิต ก็คือ คนระดับนี้จะเดินทางไปปรากฏตัวในพื้นที่เพื่อบงการการวางระเบิดเองหรือ!?”

จากนั้นข้อมูลเรื่องนักการเมืองบงการระเบิดก็จางไป พร้อมกับพยานหลักฐานจากการสืบสวนสอบสวนก็ปรากฏ โดยพบเส้นทางของรถยนต์ที่ใช้ประกอบระเบิดว่า เป็นรถที่มาจากการปล้นชิงใน 3 จังหวัดใต้ แล้วทิศทางของรถก็ขึ้นจาก 3 จังหวัดใต้ ดิ่งมายังเกาะสมุยเพื่อก่อเหตุ อีกทั้งมีดีเอ็นเอเป็นหลักฐาน นำไปสู่การออกหมายจับ ล้วนแต่ทีมไฟใต้ทั้งสิ้น

201509261602089-20030315183328
อาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาชาวอุยกูร์ซึ่งถูกจับฐานพัวพันคดีลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิต 20 ราย

ต่อมา 17 สิงหาคม 2558 เกิดระเบิดร้ายแรงโหดเหี้ยมใจกลางกรุง ที่ศาลพระพรหม ราชประสงค์ มีคนเจ็บตายจำนวนมาก แล้วข้อมูลจากปากคณะโฆษกก็พุ่งไปที่กลุ่มการเมืองตรงข้ามรัฐบาลอีก ระบุว่าต้องการทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

สุดท้ายมีการจับกุมคนร้ายได้ 2 ราย อุยกูร์จากต่างประเทศล้วนๆ มีปัญหาความไม่พอใจเรื่องการส่งกลับผู้อพยพไปยังจีน

“ข้อมูลที่ซัดใส่กลุ่มการเมืองก็ค่อยๆ เงียบไปอีกตามระเบียบ”

กระทั่งสิงหาคมปีนี้ ได้เกิดระเบิดทั่ว 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ก็ออกข่าวทันทีอีกว่า เป็นกลุ่มการเมืองอำนาจเก่าที่ไม่พอใจผลประชามติรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ระเบิดเกิดขึ้นถึงราว 20 จุด พยานหลักฐานเกลื่อนกลาด และเห็นได้ทันทีในเบื้องต้นว่า ตรงกับพฤติกรรมของทีมระเบิดไฟใต้

“ต่อมาพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับ ทีมระเบิดจาก 3 จังหวัดใต้ทั้งสิ้น ข้อมูลนักการเมืองก็ค่อยๆ ซาไปอีกเช่นเดิม”

ย้อนจากเหตุระเบิดหลายครั้ง กลับไปยังเรื่องชาวนา-ช่างแอร์ และ เบส อรพิมพ์

ข้อมูลจากคณะโฆษกก็เป็นเช่นนี้แล!