สรุปข่าวรอบสัปดาห์ : “ยิ่งลักษณ์” นั่ง ปธ.คุมท่าเรือซัวเถา / “บิ๊กตู่” ปลื้ม อียูปลดใบเหลืองประมง / ครม.เห็นชอบ “ไล่ออก-ปลดออก” ขรก.เอารถประจำตำแหน่งใช้ส่วนตัว

“บิ๊กตู่” ปลื้ม อียูปลดใบเหลืองประมงไทย

เมื่อวันที่ 8 มกราคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยินดีที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปลดใบเหลืองการทำประมงไอยูยู หรือการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ของไทย ซึ่งถือเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับการพิจารณาในครั้งนี้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก

“นายกฯ ขอบคุณอียูที่เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยู นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้ใบเหลืองเมื่อเดือนเมษายน 2558 ที่สำคัญต้องยกความดีให้ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ทั้งชาวประมง ผู้ประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันเสียสละ อดทน และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและปฏิบัติตามหลักสากล” นายพุทธิพงษ์กล่าว และว่า นับจากนี้สถานการณ์ประมงของไทยจะดีขึ้น ค้าขายได้มากขึ้น เพราะนานาประเทศมีความเชื่อมั่น ส่วนรัฐบาลยืนยันว่าจะยกระดับมาตรฐานการประมงไทยทุกด้านอย่างต่อเนื่อง

“รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” ทะลุร้อยล้าน “บิ๊กตู่” ควัก 1 แสน

เมื่อเวลา 20.20 น. วันที่ 7 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานรับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึกในพื้นที่ภาคใต้ช่วง 3-5 มกราคม ในงาน “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” ซึ่งจัดโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมีการถ่ายทอดสดออกอากาศตลอดการจัดรายการผ่านช่อง 9 MCOD HD และเครือข่ายทั่วประเทศ โดยนายกฯ กล่าวว่า ได้สำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติโดยเร็ว พบว่าใน 16 จังหวัดมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย บ้านเรือนเสียหาย 11,849 หลัง โดยในส่วนที่เสียหายทั้งหลัง รัฐบาลจะจัดสร้างให้ใหม่ สำหรับบ้านเรือนที่เสียหายบางส่วนรัฐบาลจะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังมีความเสียหายในด้านศาสนสถาน และอื่นๆ ทั้งนี้ถึงแม้ประชาชนจะอพยพกลับแล้ว แต่จะมีการตั้งโรงครัวพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่เสียหายหนัก เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นำรายได้จากการจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ด้วย อีกทั้งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานเงินจำนวน 1 ล้านบาท ในการช่วยเหลือครั้งนี้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือ จำนวน 100,000 บาท โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับมอบ ก่อนที่นายกฯ จะร่วมรับสายโทรศัพท์ด้วยตนเอง รวมยอดบริจาค 815 ราย จำนวน 132,341,341.05 ล้านบาท

“ยิ่งลักษณ์” โผล่นั่ง “ประธาน” บริษัทคุมท่าเรือเมืองซัวเถา

เมื่อวันที่ 8 มกราคม มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับตำแหน่งเป็นประธานสถานีขนส่งตู้คอนเทนเนอร์นานาชาติ ซัวเถา ประเทศจีน (chairwoman of China”s Shantou International Container Terminal (SICT))โดยเว็บไซต์ไค่ซินโกลบอล รายงานจากแหล่งข่าวแวดวงธุรกิจจีนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ดำรงตำแหน่งประธานและผู้แทนโดยชอบธรรมของบริษัท ซัวเถา อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัลส์ จำกัด หรือเอสไอซีที บริษัทบริหารท่าเรือในเมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศจีน

ด้านเว็บไซต์เดอะเปเปอร์ระบุเพิ่มเติมว่า ข้อมูลธุรกิจของบริษัทเอสไอซีทีมีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้แทนโดยชอบธรรมของบริษัท จากเดิมคือนายหลิน ต้า ฉี เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 12 ธันวาคม 2561 โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก่อนนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปเยี่ยมญาติฝั่งบิดาที่เมืองซัวเถา เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา

อนึ่ง บริษัทเอสไอซีที ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,800 ล้านบาท เดิมทีเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ฮัทชิสัน พอร์ต โฮลดิงส์ (เอชพีเอช) ในฮ่องกง กับบริษัท ซัวเถา เมอร์ชานต์ส บูโร พอร์ต จำกัด และต่อมาเป็นการร่วมหุ้นของบริษัท ไชน่า เมอร์ชานต์ส พอร์ต เดเวลอปเมนต์ จำกัด ในเมืองเสิ่นเจิ้น กับซัวเถา เอสเอเอสเอซี หรือคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารทรัพย์สินเมืองซัวเถา ทั้งนี้ ท่าเรือซัวเถาเป็น 1 ใน 25 ท่าเรือหลักของจีน และเป็น 1 ใน 5 ศูนย์กลางท่าเรือสำคัญของมณฑลกวางตุ้ง ประกอบด้วยท่าเรือ 7 แห่ง และมีโกดังขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับปริมาณสินค้าได้มากถึง 50 ล้านตัน และ 1.3 ล้านทีอียู (หน่วยนับสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 20 ฟุต เท่ากับ 1 ทีอียู) คิดเป็นร้อยละ 55 และ 99 ของศักยภาพท่าเรือ 3 แห่งในพื้นที่ภาคตะวันออกของมณฑลกวางตุ้ง ที่สำคัญคือเป็นหนึ่งในท่าเรือไม่กี่แห่งนอกศูนย์กลางเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และทะเลปั๋วไห่ ที่มีปริมาณการรองรับสินค้าเกิน 1 ล้านทีอียูด้วย

นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ แสดงความเห็นว่า “ท่าเรือซัวเถา บริษัทนี้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลท้องถิ่นของจีน การที่บุคคลต่างชาติจะเป็นประธานบริษัทนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยลําพังบริษัท นัยยะสำคัญของเรื่องนี้จึงน่าคิดมากว่าอาจเป็นเรื่องส่งสัญญาณถึงดุลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย”

ครม.เห็นชอบ “ไล่ออก-ปลดออก” ขรก.เอารถประจำตำแหน่งใช้ส่วนตัว

เมื่อวันที่ 8 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบตามข้อสังเกตของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการนำรถยนต์ประจำตำแหน่งและรถราชการส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถส่วนตัว ควรจะมีบทลงโทษ ว่า มติ ครม.เห็นชอบดำเนินการตามนั้น และถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงในการเอารถราชการที่ตัวเองไม่มีสิทธิใช้ไปใช้ส่วนตัว

จะต้องถูกลงโทษสถานหนักคือไล่ออก ปลดออก ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วและขอเตือนทุกส่วนราชการ