หนุ่มเมืองจันท์ : นิทานเรื่อง “ยืม”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ว่าจะไม่เขียนเรื่องการเมืองแล้ว

แต่อดไม่ได้จริงๆ ครับ

ตอนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติในคดี “ยืมนาฬิกาเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

เคยสงสัยบ้างไหมครับว่า ทำไม ป.ป.ช.เลือก “เวลา” ลงมติคดีนี้ตอนใกล้สิ้นปี

คือวันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม

ทำงานต่อวันที่ 28 อีกวันเดียวแล้วก็หยุดยาวช่วงปีใหม่เลย

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคยบอกว่าจะปิดคดีนี้ตั้งแต่ช่วงกลางปี

แล้วก็เลื่อนมาเรื่อยๆ

จนใกล้สิ้นปีจึงลงมติ

คำตอบก็คือ เขารู้ว่าช่วงปีใหม่คนจะไปเที่ยวกัน ไม่ค่อยสนใจข่าว

กะใช้ช่วงวันหยุดยาวละลายข่าว “ยืมนาฬิกาเพื่อน” ให้หายไปกับกาลเวลา

ปีใหม่เดี๋ยวก็มี “ข่าวใหม่” กลบข่าวนี้

หรือถ้าไม่มีก็สร้างขึ้นเอง

…ไม่ยาก

มีหลายคนบอกว่าคดีนี้เป็นคดี “นาฬิกา”

ป.ป.ช.จึงต้องใช้ “เวลา” ให้เป็น

ใกล้ปีใหม่จึงเหมาะสมที่สุด

ครับ ยิ่งเขาอยากให้ข่าวนี้หายไป

เรายิ่งต้องประโคมข่าวต่อไปเรื่อยๆ

เพราะเรื่องนี้มันน่าเกลียดเกินไป

ถ้าปล่อยให้หายไปง่ายๆ

มันเหมือนกับว่า “เราโง่”

ไม่รู้ทันผู้มีอำนาจ

นั่นคือเหตุผลที่เขียนเรื่องนี้

ประเด็นเรื่องนี้เริ่มต้นจาก พล.อ.ประวิตรยกมือกันแดดตอนที่จะถ่ายรูปร่วมกับ ครม.ชุดใหม่

แหวนเพชรบนนิ้วมือสะท้อนกับแดดเป็นประกาย

นักข่าวจับภาพนี้ได้

ส่งภาพมาลงในเว็บข่าว

มี “นักสืบออนไลน์” ทั้งหลายเหลือบเห็นนาฬิกาบนข้อมือ พล.อ.ประวิตร

ค้นเจอว่าเป็นนาฬิกายี่ห้อ “ริชาร์ด มิลล์” ซึ่งเป็นนาฬิกาสุดฮิตของแวดวงไฮโซ

ราคาหลายล้านบาท

แค่ใส่ “นาฬิกาแพง” ยังไม่เป็นเรื่อง

แต่เป็นเรื่องขึ้นมาเพราะมีคนคุ้ยบัญชีทรัพย์สินที่ พล.อ.ประวิตรต้องแจ้ง ป.ป.ช. ตอนรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

ปรากฏว่าไม่มี “นาฬิกา” สักเรือน

เรื่องจึงเริ่มบานปลาย เพราะเมื่อค้นรูปเก่าๆ ของ พล.อ.ประวิตร ปรากฏว่าเจอ “นาฬิกา” แพงๆ ถึง 25 เรือน

มูลค่าไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท

แต่ความสนุกของเรื่องนี้อยู่ที่คำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร

เขาบอกว่า “นาฬิกาหรู” เหล่านี้ไม่ใช่ของตัวเอง

แต่เป็นของ “เพื่อน”

เขาแค่ยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่

เหตุผลที่ฟังแล้วไม่มีเหตุผลเช่นนี้เองทำให้กระแสสังคมรับไม่ได้

ป.ป.ช.ทนกระแสไม่ไหวก็ต้องกระโดดรับเรื่องนี้มาตรวจสอบ

คนที่เป็นประธานคือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตหน้าห้องของ พล.อ.ประวิตร

แม้ พล.ต.อ.วัชรพลจะขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้

แต่สังคมเริ่มไม่ไว้วางใจการทำงานของ ป.ป.ช.

ทายไว้ล่วงหน้าว่า “หลุดแน่ๆ”

สุดท้ายก็เป็น “หวยล็อก”

หลุดตามคาด

ผมเชื่อว่าที่คนไทยส่วนใหญ่โมโหกับเรื่องนี้มาก

เพราะเวลาแทงหวย

ไม่เห็นแม่นเหมือนเรื่องนี้เลย

“เพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร คือ “เสี่ยคราม” ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด

ทั้งคู่เป็นเพื่อนเรียน “เซนต์คาเบรียล” มาด้วยกัน

เพื่อนๆ ของ “บิ๊กป้อม” พยายามบอกนักข่าวว่าทั้งคู่สนิทกันมาก เคยช่วยเหลือกันมาตลอด

และนายปัฐวาทให้เพื่อนๆ ยืมนาฬิกาใส่เป็นเรื่องปกติธรรมดา

แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ “เสี่ยคราม” เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560

ตามปกติถ้าเรายืม “ของมีค่า” ของเพื่อนมาใช้

เพื่อนตาย เราก็ต้องรีบคืนใช่ไหมครับ

แต่นับจากวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 จนถึงเดือนธันวาคม 2560 ที่ พล.อ.ประวิตรใส่นาฬิกา “ริชาร์ด มิลล์” เรือนนั้น

เกือบ 10 เดือนหลัง “เพื่อนรัก” เสียชีวิต

ปรากฏว่า พล.อ.ประวิตรใส่ “นาฬิกาหรู” ไม่ซ้ำกันถึง 17 เรือน

คำถามที่น่าสนใจก็คือ 1.เพื่อนตายไป 10 เดือน ทำไมไม่คืน “นาฬิกา” ให้กับทายาทของเขา

หรือถือคติแบบ “เลิฟ มี เลิฟ มายด๊อก”

รักเพื่อน ต้อง “ลัก” นาฬิกาเพื่อน

ขอโทษครับ เขียนผิด

รักเพื่อน ต้องรักนาฬิกาเพื่อน

อย่าลืมว่า “นาฬิกา” ไม่ใช่ “เน็กไท”

ไม่ใช่ของราคาแค่หลักร้อย หลักพัน หรือหลักหมื่น

แต่ราคาเป็นล้าน

ยืมมาตั้ง 17 เรือน

ไม่คืน

ตรรกะแบบนี้ทำไม ป.ป.ช.ไม่รู้สึกตงิดในใจบ้าง

คําถามที่ 2 เวลาเรายืมนาฬิกาจากเพื่อนมาใส่

เรากล้ายืมครั้งหนึ่ง 17 เรือนเลยหรือครับ

“เฮ้ย เพื่อน ขอยืมนาฬิกาสัก 17 เรือนนะ จะใส่วนๆ ไป”

ผมเชื่อว่า “ทศกัณฐ์” ก็ยังไม่กล้ายืมแบบนี้เลย

ขนาดมีตั้ง 20 มือ

แล้ว พล.อ.ประวิตรมีแค่ 2 มือ

ใส่นาฬิกาครั้งละ 1 เรือน

แต่ยืมเพื่อนทีเดียว 17 เรือน

ป.ป.ช.ไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างหรือครับ

ไม่มีสักแวบหนึ่งเลยหรือครับที่จะคิดว่า “นาฬิกา” นั้นไม่ใช่ของ “เพื่อน”

หรือสงสัยว่าเรื่องนี้น่าจะเป็น “นิทาน”

ทำไมเชื่อคนง่ายจัง

ถ้าเจอหน้าเมื่อไร อยากถามจริงๆ

“คุณเชื่อว่าสไปเดอร์แมนมีจริงหรือเปล่า”

ยากไป..

เอาใหม่

“คุณเชื่อว่านิทานเรื่องเต่ากับกระต่ายเป็นเรื่องจริงหรือไม่”

กลัวอย่างเดียว

กลัวเขาจะตอบว่า “เชื่อ”