ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | การเมืองวัฒนธรรม |
ผู้เขียน | เกษียร เตชะพีระ |
เผยแพร่ |
หลังจากนำเสนอเหตุผลข้อถกเถียงว่าทำไมเจ๊กสยามในหมู่ชนชั้นนำและคนชั้นกลางที่ฐานะมั่นคงจึงมีท่าทีการเมืองเอนเอียงไปเป็นแบบ “หันขวาหาจีน” ในระยะสองทศวรรษที่ผ่านมา นับจาก [วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง] → [วิกฤตความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการขึ้นสู่อำนาจรัฐของเครือข่ายทักษิณและพรรคพวกผ่านระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งเสียงข้างมาก]→ [การรณรงค์แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112] แล้ว
ท้ายที่สุดนี้ผมใคร่ประมวลสรุปนานาทรรศนะอันหลากหลายของปัญญาชนสาธารณะ, เทคโนแครต, และผู้นำการเมืองสำคัญบางท่านที่น่าสนใจในประเด็นเกี่ยวเนื่องกันซึ่งได้แสดงไว้เมื่อเร็วๆ นี้ มานำเสนอ
เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา :
เอนก เหล่าธรรมทัศน์
อธิการ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต :
“บูรพาภิวัตน์ เอเชียคืออนาคต”
– ยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (อี๋ไต้อี๋ลู่ ???? หรือ One Belt One Road) ของจีน ควบคู่กับนโยบาย “ปักหมุดในเอเชีย” (Pivoting to Asia Policy) ของสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีโอบามา ได้เปิดโอกาสอันใหญ่หลวงแก่ประเทศไทย ในฐานะที่เรามีที่ตั้งใจกลางเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในอันที่จะแสดงบทบาทเป็นรัฐด่านหน้าทางโลจิสติกส์ในการสื่อประสาน [จีน-สหรัฐอเมริกา-อินเดีย-อาเซียน] เข้าด้วยกันตามวิถีบูรพาภิวัตน์ ทางประวัติศาสตร์ที่ถึงทีเอเชียกำลังรุ่งเรืองขึ้นบ้างในปัจจุบัน ซึ่งจะเปิดช่องให้ไทยสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์โภชผลพร้อมกันไปด้วย
– เพื่อการนี้ ไทยจำต้องธำรงรักษาความสมดุลในความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐอเมริกาเอาไว้ให้ดี
(4 กันยายน 2559, http://www.isranews.org/isranews-article/item/49751-anek-laothamatas.html )
ศรีศักร วัลลิโภดม
นักโบราณคดีและมานุษยวิทยา ที่ปรึกษามูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ :
“ประเทศสยามวันนี้ : เมืองสองฝ่ายฟ้าระหว่างอเมริกากับจีน”
-กล่าวในทางประวัติศาสตร์ สยามได้ตกเป็นอาณานิคมทางปัญญาของฝรั่งตะวันตก และเหยื่อทางการเมืองและเศรษฐกิจของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือระบบทุนนิยมล่าเหยื่อและระบอบประชาธิปไตยต่อต้านสถาบันกษัตริย์แบบอเมริกันซึ่งได้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมชุมชนและความเป็นอิสระของท้องถิ่นไทยจนเสียหายยับเยิน
-เพื่อถ่วงดุลอำนาจอเมริกา สหประชาชาติและฝรั่งตะวันตกโดยทั่วไป รัฐบาลทหารไทยได้เอียงไปหาจีนกับพันธมิตรในโลกตะวันออก และฉะนั้นจึงทำให้ประเทศสยามทุกวันนี้กลายเป็นเมืองสองฝ่ายฟ้าระหว่างอเมริกากับจีน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จีนจะไม่ค่อยจู้จี้ช่างเลือกนักว่าไทยจะปกครองในระบอบใด ทว่า เอาเข้าจริงจีนก็หาได้เบาไปกว่าอเมริกาไม่ในแง่ความโลภโมโทสันทางเศรษฐกิจ การส่งผู้อพยพแทรกซึมเข้ามาในไทยและการมุ่งยึดครองไทยในทางเชื้อชาติ
– รัฐบาลทหารไทยจำต้องเป็นเผด็จการอย่างเต็มตัวในการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามที่เอาอย่างตะวันตกโดยเด็ดขาด สามารถปิดประเทศได้นานกว่า 5 ปีและปฏิบัติระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง
(26 กรกฎาคม 2559, http://lek-prapai.org/home/view.php?id=5235 )
เขียน ธีระวิทย์
ศาสตราจารย์กิตติคุณ สาขารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษา :
“นายกฯ คนนอกเป็นคนไทยหรือเปล่า?”
– นักวิชาการ สื่อมวลชน นักกิจกรรมทางการเมืองและนักการเมืองไทยไม่ควรตกกับดัก “ประชาธิปไตย” ตามตำราตะวันตก ในสภาพที่พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงของคนไทยไร้หลักการ ทำให้เกิดการโกงเลือกตั้งนั้น ประชาธิปไตยได้นำไปสู่รัฐบาลของคนรวยที่ทุจริตฉ้อฉลอย่างทักษิณซึ่งละเมิดหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง นอกจากนี้ ปฏิบัติการก้าวร้าวรุกรานเที่ยวทำสงครามของประเทศที่ประกาศตนเป็นแชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาก็ควรจะเตือนใจเราให้ตระหนักถึงอันตรายของประชาธิปไตยสามานย์จอมปลอมได้ดี
– ดังนั้น แทนที่จะฝากความหวังหลอกๆ ไว้กับประชาธิปไตยจอมปลอมและนายกรัฐมนตรีคนในจากการเลือกตั้งซึ่งทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้น้อยอย่างทักษิณและยิ่งลักษณ์ เราควรยอมรับนายกฯ คนนอกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้มากอย่าง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์, นายอานันท์ ปันยารชุน และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดีกว่า เพราะถึงอย่างไร ท่านก็เป็นทหารผู้รักชาติและคนไทยมิใช่หรือ
(23 สิงหาคม 2559, http://pantip.com/topic/35528205 )
สมชัย สัจจพงษ์
ปลัดกระทรวงการคลัง :
“เห็บสยามโมเดล”
– กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะนำ “โมเดลเห็บสยาม” มาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างประเทศโดยเน้นการสร้างพันธมิตรทั้งการค้า การลงทุนกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งไทยและพันธมิตรให้ขยายตัวด้วยกัน เช่น จีน, อินเดีย, แอฟริกา และอาเซียน เพราะหากเน้นการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ คงไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของไทย เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
– เห็บสยามโมเดลจะช่วยทำให้เราเติบโตไปกับประเทศที่กำลังขยายตัวได้ เราไม่จำเป็นต้องโตคนเดียว แต่สามารถพึ่งพาพันธมิตรได้ เช่น ถ้าจีนโต เราก็จะอ้วนด้วย ถ้าจีนเลิกโต เราก็จะไปอยู่กับอินเดีย หรือแอฟริกาใต้ต่อ นี่คือกลยุทธ์การโตของเรา คือถ้าใครโตเราก็จะเกาะไปกับเขาด้วย
(2 สิงหาคม 2559, http://prachatai.com/journal/2016/08/67210 )
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี :
“บิ๊กตู่แนะ ครม. อ่านหนังสือ “การปกครองประเทศจีน” บอกสอดคล้องประเทศไทย”
– ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 12 เมษายน ศกนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แนะนำหนังสือ The Governance of China ให้ ครม. อ่าน ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนโดยประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ผู้นำจีน บอกเล่าเรื่องการบริหารงานที่มีแนวทางสอดคล้องกันกับประเทศไทย เพราะอยู่ในระยะเวลาแห่งการปฏิรูปเช่นเดียวกัน
(12 เมษายน 2559, http://www.matichon.co.th/news/103564 )