เชิงบันไดทำเนียบ : ‘บิ๊กแดง’ รอดู ‘พยัคฆ์ตู่’ คำราม ‘ป๋าเปรม’ เปิดสี่เสาฯ ส่งสัญญาณ คสช. ?

หลัง ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปธ.องคมนตรี เตรียมเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. นำ รัฐมนตรี-ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรและขอพรปีใหม่ 27ธ.ค.นี้ หลัง ‘ป๋าเปรม’ ปิดบ้านสี่เสาฯ ช่วงวันเกิดเมื่อ 26ส.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวสุขภาพ ‘ป๋าเปรม’ ที่ลือถึงขั้นป่วยหหัก ซึ่งทั้งหมดถูกสยบลงหลัง ‘ป๋าเปรม’ ได้ไปทำบุญวันเกิดกับครอบครัวติณสูลานนท์ ที่วัดราชบพิธฯ


นับจากวันเกิดมา ‘ป่าเปรม’ ออกงานปรากฏเป็นข่าวมากขึ้น ทั้งการเปิดบ้านสี่เสาฯให้ ‘มหาธีร์ มูฮัมหมัด’ นายกฯมาเลเซีย เพื่อนรัก 40 ปี ได้เข้าพบ หลัง ‘มหาธีร์’ เยือนไทยหลังรับตำแหน่ง ต่อมา ‘ป๋าเปรม’ ได้กลับบ้านแม่ทัพ ที่โคราช เพื่อให้กำลังใจนักกีฬาชาย-หญิงสโมสรวอลเลย์บอล จ.นครราชสีมา และเมื่อ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ‘ป๋าเปรม’ ได้เยี่ยมค่ายทหารม้า ค่ายเปรมติณสูลานนท์ พล.ม.3 ขอนแก่น
ทั้งนี้ ‘เสธ.ณุ’พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท ‘ป๋าเปรม’ ระบุว่า พล.อ.เปรม ยังแข็งแรงดี เดินและยืนได้ตามปกติ แต่จะนั่งรถเข็นแค่เพียงงานที่ต้องเดินหรือนั่งนานๆเท่านั้น และเป็นห่วงบ้านเมือง เพราะใกล้ช่วงเลือกตั้งแล้ว และสถานการณ์หลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร
ทำให้ทุกสายตาจับต้องไปที่ประตูบ้านสี่เสาฯที่จะเปิด ‘ป๋าเปรม’ ท่ามกลางช่วงก่อนเลือกตั้งเพียง 2 เดือน ตามที่ได้มีการปักธงไว้ 24ก.พ.62 ทำให้มีการมองว่า ‘ป๋าเปรม’ จะส่งสัญญาณใดออกมาหรือไม่ โดยเฉพาะสถานการณ์หลังเลือกตั้ง
ทำให้ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. ออกมาคอนเฟิร์มถึงช่วงหลังเลือกตั้ง ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะที่ผ่านมา 4 ปี คสช. ก็สามารถดูแลสถานการณ์ได้ และย้ำไม่มีปัจจัยใดที่จะทำให้ไม่สงบเรียบร้อย มีแค่นักการเมืองตอบโต้กันไปมา
“ท่านคงเป็นห่วงกลัวบ้านเมืองจะยุ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เราจะได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น” พล.อ.ประวิตร กล่าวถึง ‘ป๋าเปรม’


ซึ่งหลายฝ่ายห่วงบ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง หากผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับขึ้นมาจะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ ? ไม่ว่าจะพรรคขั้วใดชนะ ระหว่าง ‘เอา-ไม่เอาคสช.’ รวมทั้งสุดท้ายแล้วหากขั้วพรรคต้านคสช. ที่นำโดย ‘เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ’ จะทำให้เกิดสถานการณ์ ‘เช็คบิลคืน’ หรือไม่ ? รวมทั้งกระแสข่าวการมี ‘รัฐบาลเฉพาะกาล’ เพื่อร่างกติกาเลือกตั้งขึ้นใหม่ หากเกิดขึ้นจริง ใครจะมาเป็น ‘นายกฯชั่วคราว’ ที่ได้รับความไว้วางใจและไม่มีเสียงค้าน ?
แต่สถานการณ์อาจไม่ ‘ซับซ้อน’ อย่างที่คิดก็ได้ หากพรรคขั้วใดขั้วหนึ่ง ‘ปิดจ็อบ’ สามารถ ‘เอาชนะ’ และ ‘ดีลลงตัว’ พร้อมยอมรับผลการเลือกตั้ง เพราะฝ่ายการเมืองต่างก็ทราบดีว่า ‘บ้านเมืองสงบ’ คือหมุดหมายสำคัญของประเทศในยุคนี้
“ขอให้รอดูผลการเลือกตั้ง เรามี กกต.ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จะกลั่นกรองข้อร้องเรียนต่างๆ เราเป็นคนไทยด้วยกันต้องยอมรับกติกา การเลือกตั้งต้องมีแพ้มีชนะ หลังจากการเลือกตั้งแล้วอยากให้ไปสู้กันในสภา อย่ามาสู้นอกเวที ทำไมต้องมาเคลื่อนไหวให้ประชาชนเดือดร้อน” พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ. กล่าว
อีกทั้งบทบาทของ ‘กองทัพ’ ในการ ‘วางตัว’ ของทหารที่จะต้องระมัดระวังและเหมาะสม ไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ซึ่ง ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช. ก็ย้ำว่าเพราะเราเป็นทหาร แม้จะถูกจับตามอง โดยเฉพาะตนในฐานะเลขาธิการ คสช. ก็จะพยายามรักษาเสถียรภาพ เพราะกองทัพคือกองทัพ ตนเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน อีกทั้ง ‘กำลังพล’ ก็คือ ‘ประชาชนคนหนึ่ง’ ด้วย
“ทหารจะขยับตัวอะไรก็ถูกมองว่าเป็น คสช.เพราะอยู่ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล กองทัพเรามีจุดยืนเป็นกองทัพของรัฐบาลและกองทัพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉะนั้นการดำเนินกิจกรรมใดๆ ก็ตามจะถูกเพ่งเล็ง ซึ่งผมได้สั่งให้เข้มงวดกับกำลังพลไปแล้ว แต่ขึ้นอยู่ที่มุมมองของประชาชนถึงการวางตัวของกองทัพและการเป็นทหารอาชีพ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว


แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึง ‘บทบาท’ ของ ‘กองทัพ’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ คสช. เพราะ ‘บิ๊กแดง’ เป็น เลขาธิการคสช. และ ผบ.เหล่าทัพ เป็น สมาชิกคสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เป็น หัวหน้าคสช. จึงทำให้ภาพมีความทับซ้อนไปหมด แม้ ‘บิ๊กแดง’ จะย้ำถึง ‘จุดยืน’ กองทัพอย่างหนักแน่นก็ตาม รวมทั้ง ‘บิ๊กตู่’ มีท่าทีสนใจงานการเมืองแล้ว และมีอาจลงสู่สนามการเมือง ผ่านการถูกเสนอชื่อเป็น ‘แคนดิเดทนายกฯ’ ด้วย
“ผมยังไม่เห็นว่า หัวหน้าคสช. พูดว่าจะไปลงการเมือง คนเรามีท่าที แต่ยังไม่ประกาศเป็นทางการหรือยังไม่ได้พูดออกมาว่าท่านจะลง ผมมองว่ายังไม่ถึงเวลาตอบคำถามนี้ แต่ในขั้นต้น ท่านก็ยังไม่ได้พูดอะไร เพราะท่านเป็น หัวหน้าคสช.อยู่ คือคนเราบางครั้งเดินไปสะดุดอะไร จะบอกว่าเขาเจ็บขาหรือเปล่า คือไม่ใช่ ก็ต้องรอดู ดูผลลัพธ์สุดท้ายก่อน ว่าเป็นอย่างไร” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ‘กองทัพ’ ก็อยู่ระหว่างการ ‘จับทิศทางลม’ เพราะสถานการณ์ในเวลานี้ยังแกว่งอยู่ จนกว่าจะใกล้สะเด็ดน้ำว่าทิศทางพรรคใดที่มาแน่ ซึ่งความชัดเจนจะเกิดหลังขึ้นปี62 แต่ทั้งหมดนี้ ‘เสียงประชาชน’ จะเป็นจุดชี้ทุกอย่างและไม่มีใครค้านได้


รวมทั้งหาก ‘บิ๊กตู่’ ถูกเสนอชื่อเป็น ‘แคนดิเดทนายกฯ’ อย่างเป็นทางการ กระแสสังคมจะเป็นอย่างไร ? ซึ่งพรรคที่จะเสนอก็หนีไม่พ้นพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศไว้ชัดเจน และพรรค พปชร.จะเอาชนะเลือกตั้งได้หรือไม่ ? ดังนั้นเสียงจากคูหาครั้งนี้จึงชี้อนาคตและประเมินผลงาน คสช. 4 ปี ได้ไม่น้อย
รวมทั้ง ‘บทบาท’ ของ ‘กองทัพ’ หลังการเลือกตั้ง ที่ไม่ใช่ยุค คสช. แล้ว
00000