หลังเลนส์ในดงลึก / ปริญญากร วรวรรณ/ ‘เทียบเคียง’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
สมเสร็จ - ถึงวันนี้ การพบเจอหรือได้ภาพสมเสร็จไม่ใช่เรื่องยาก แต่วิถีชีวิตพวกมันยังคงลึกลับเช่นเดิม

หลังเลนส์ในดงลึก / ปริญญากร วรวรรณ

‘เทียบเคียง’

 

สิ่งยากที่สุดในการทำงานของผม ยังคงเป็นการหาตัวสัตว์ป่าให้พบ แม้วันเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงไร

อีกทั้งเครื่องมือทุกวันนี้ก็เอื้อกับการทำงานเป็นอย่างมาก เทคโนโลยี กล้อง ก้าวไปไกล จนกระทั่งสามารถทำงานในป่าได้ในทุกสภาพอากาศ, แสงน้อย มืดมัว ตลอดจนถึงช่วงกลางคืน

และก็ถึงวันที่ผมยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยว่า

ในเวลาที่ผ่านมา เหตุผลเดียวที่ผมได้รูปสัตว์ป่านั้น

เพราะพวกมันอนุญาต ใช้ให้นำเรื่องราวพวกมันมาเล่าให้คนอื่นฟัง

แต่การอนุญาตก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้พบพวกมันได้ง่ายดายขึ้น

 

ถ้าไม่ใช่กระทิง, ช้าง, เก้ง, กวาง หรือสัตว์ป่าอื่นตามอุทยานแห่งชาติ ซึ่งค่อนข้างคุ้นเคยกับคน พบเจอกันริมทาง หรือบริเวณหากินประจำๆ บ่อยๆ

โอกาสที่คนจะพบสัตว์ป่าในแหล่งอาศัยพวกมันมีน้อยมาก ไม่เพราะเพียงความรกทึบยากกับการมองเห็นไกลๆ สัตว์ป่าส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตอนกลางคืน กลางวันหลบในที่รกๆ

ประสบการณ์อันเลวร้ายที่มีกับคนเป็นสาเหตุสำคัญ แค่ได้กลิ่น พวกมันก็มักเตลิดหนีไปไกล

ไม่พบเจอตัว แต่รอยตีนทำให้รู้ว่ามีพวกมันอยู่

ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนคุ้นเคยว่า รอยตีนที่เห็นคือสัตว์ชนิดใด ตัวโตขนาดไหน ผ่านไปเมื่อไหร่ และบอกได้ว่า เป็นรอยตัวผู้หรือตัวเมีย

ปกติสัตว์ป่าใช้เวลาเดินไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ ถ้าไม่ตื่นตกใจอะไร ขณะเดินมักขี้และฉี่ไปด้วย

“ขี้ที่อยู่ตรงจุดเดียวกับฉี่ นั่นตัวเมีย ถ้าตัวผู้ ฉี่กับขี้มันจะห่างกัน” อดิเทพ คู่หูเคยอธิบายให้ฟังอย่างเห็นภาพ

“พวกกวาง ถ้าขี้เหลวๆ ไม่เป็นเม็ดเหมือนปกติแสดงว่ากำลังมีเขาอ่อน มันคงกินยอดไม้ หรืออะไรนี่แหละ” เขาเล่าให้ฟังตามประสบการณ์

“เขาอ่อนกวางขายได้ราคา พวกล่าสัตว์พบแบบนี้จะตามรอยไปทันที” อดิเทพเล่า

 

นอกจากรอยตีน ร่องรอยต่างๆ ก็เป็นสิ่งยืนยันว่ามีสัตว์ป่าอยู่ ร่องรอยเหล่านี้จะปรากฏอยู่ตามด่าน

รอยตะกุยบนพื้น หรือตามลำต้นไม้ ฉี่และขี้ นี่เป็นสัญญักษณ์ที่เสือ “เจ้าถิ่น” ทิ้งไว้ให้ผู้ใช้เส้นทางรับทราบ

สำหรับต่างเพศ บางครั้งนี่คือกลิ่นที่บอกถึงความพร้อมมีความสัมพันธ์

ส่วนในเพศเดียวกัน นี่คือสัญญาณให้ถอยห่าง

 

รอยตีนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนพื้น แบ่งตามลักษณะตีนได้สองกลุ่ม

คือ สัตว์มีเล็บ และมีกีบ

สัตว์มีเล็บ ที่เป็นผู้ล่า ตีนจะเป็นอุ้ง เล็บอยู่ปลายนิ้ว บางชนิดเวลาเดิน รอยปรากฏรอยเล็บอยู่ด้วย ขณะบางชนิดไม่มี

สัตว์เดิน โดยวางน้ำหนักเต็มฝ่าตีน รอยกดบนพื้นชัดเจน

ส่วนสัตว์กีบ พวกมันได้พัฒนาปลายนิ้วตีนให้มาเป็นกีบอันแข็งแรง เหมือนเขาสัตว์ กีบเป็นเครื่องมือช่วยให้วิ่งได้รวดเร็วและนานกว่าพวกมีเล็บ

สำหรับช้าง ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่กับพวกมีกีบ แต่ช้างก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกมีเล็บ รอยตีนหน้าของช้างมีลักษณะกลมๆ ส่วนรอยตีนหลังมีลักษณะรีๆ

ถ้าวัดเส้นรอบวงรอยตีนช้าง คูณด้วยสอง

ผลที่ได้เท่ากับความสูงระดับหัวไหล่ช้างตัวนั้น

“ช้างงา เวลาเดินรอยตีนหน้าจะมีรอยกดมาข้างหน้าเพราะมีน้ำหนักงาอยู่”

แม้ว่าในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกจะไม่มีช้างอาศัยอยู่ถาวร นอกจากพวกเดินผ่านตามฤดูกาล อดิเทพยังจำร่องรอยช้างได้ดี

“ตอนผมยังเด็ก ที่นี่มีช้างเยอะ” เขาเล่า…

มีบางรอยตีน ซึ่งโอกาสพบเจอในป่า เรียกได้ว่า ไม่มีแล้ว คือรอยสัตว์กีบคี่ ของแรด และกระซู่

ในสัตว์กีบคี่ ที่ยังพบเห็น มีอยู่ร่องรอยเดียวคือ รอยตีนสมเสร็จ

รอยตีนหน้ามีสี่กีบ ตีนหลังมีสามกีบ

 

การตามรอยสัตว์ป่าเพื่อถ่ายภาพ มีโอกาสไม่มาก มีโอกาสจะทำให้พวกมันเตลิดหนีไม่หยุด หรือแย่กว่านั้น อาจพบกับการสั่งสอน เพราะไม่รักษาระยะห่าง หรือระยะอันควรให้เกียรติกัน

ผมเคยใช้เวลาในการตามรอยสมเสร็จ

ความลึกลับของพวกมัน ในช่วงเวลาที่ผมเริ่มต้นทำงาน คือ แรงกระตุ้นให้ผมเดินตามรอยพวกมันหลายครั้ง

สมเสร็จกระจายพันธุ์จากผืนป่ารกทึบ ดิบชื้นทางตอนใต้ ขึ้นมาถึงแถบป่าด้านตะวันตก

ในป่าดิบชื้น ปลักตามสันเขามีร่องรอยสมเสร็จใช้

ในป่าด้านตะวันตก พวกมันเดินเลาะไปตามด่านบนสันเขา ช่วงฤดูแล้งสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ใบไม้แห้งสีน้ำตาลดังกรอบแกรบเมื่อย่ำไป

เห็บลมจำนวนมหาศาล ขณะตามรอย ผมไม่รู้หรอกว่า สมเสร็จจะมีปัญหากับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ แต่นี่คือสิ่งที่ผมเลี่ยงไม่พ้น

 

บนด่านที่พื้นแข็งๆ ไม่แปลกที่จะไม่พบรอยตีนอะไร

“ลงในหุบ หาน้ำดีกว่า จะมืดแล้ว” อดิเทพหารือ ผมพยักหน้า

ฤดูแล้ง ป่าไม่ได้เดินง่ายขึ้นเลย แม้จะดูโปร่งโล่ง แต่ด่านจะถูกปกคลุมด้วยใบไม้ กระทั่งมองไม่เห็นเส้นทาง

การต้องค้างคืนบนสันเขาที่มีน้ำแค่ในกระบอกน้ำดื่ม ไม่น่ารื่นรมย์เท่าใด

ไต่ลงจากสันเขาชันๆ ในเวลาใกล้มืด สำหรับสมเสร็จคงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะลักษณะตีนที่ได้รับการออกแบบ พัฒนามาให้เดินทางไกลอย่างเหมาะสม

กับอดิเทพ ก็ดูจะไม่ยาก มีเพียงผมที่คล้ายจะยากไม่น้อย

จากสันเขา เราตัดลงมาถึงลำห้วยเล็กๆ ในหุบ ดวงจันทร์ขึ้น 6 ค่ำ ส่องแสงสลัว

ผมผูกเปลกางผ้ายาง อดิเทพก่อไฟหุงข้าว กินข้าวเสร็จ ขึ้นเปล ผมหลับไปแทบจะทันที แม้เสียงคู่หูพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ดังข้างๆ

 

รุ่งเช้า ทันทีที่ลงจากเปล อดิเทพชี้ให้ดูรอยเสือโคร่งข้างลำห้วย “น่าจะผ่านไปตอนเราอยู่บนสันเขา” อดิเทพพูด

รอยใหม่ๆ มุ่งหน้าไปทางต้นน้ำ เดินเลาะลำห้วยไปตามพื้นแฉะๆ ราว 50 เมตร รอยมันข้ามไปอีกฝั่ง

ก่อนข้ามฝั่งตาม ผมหันไปมองด้านหลัง มีรอยตีนเสือและรอยตีนผมข้างลำห้วย

ระหว่างสองรอยนั่น ไม่มีส่วนใดคล้ายกันเลย

รอยตีนเสือ กดลงพื้นอย่างหนักแน่น แสดงถึงความมั่นคงในการเดิน

ส่วนรอยตีนผม ดูเบาบาง เห็นแค่จางๆ

สิ่งเดียวก็คล้ายบ้าง คือ รอยมุ่งไปทิศทางเดียวกัน

 

ผมข้ามลำห้วยตื้นๆ ระดับน้ำท่วมข้อเท้า บนฝั่ง รอยตีนเสือชัดเจน

ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า เหยียบข้างๆ รอยตีนเสือ

กับนักล่าหมายเลขหนึ่งที่มากด้วยศักดิ์ศรี

นี่คงเป็นโอกาสเดียวที่ผมจะได้ “เทียบเคียง”