จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 30 พ.ย.- 6 ธ.ค. 2561

จดหมาย

0 มวย “เด็ก”

 

บ.ก. ครับ

สงครามระหว่างแม้วกับตู่

คงหยุดไม่ได้แล้ว

เลยส่ง

“เรื่องสนุกๆ ของเยนตะละแมน แม้วน้อยบนดอยสูง”

มาให้อ่าน

“…เยนตะละแมนนะ รู้จักมั้ย เยนตะละแมนนะ

กระโปรงลายพรางนะถอดทิ้งซะ

แล้วมาหมัดต่อหมัด ตัวต่อตัวแมะ

ห้ามรุม ห้ามใช้เครื่องทุ่นแรง รถถัง ปืน ระเบิด และตาชั่งพิเศษ เข้ามาช่วยเด็ดขาด

เพราะเยนตะละแมนเขาไม่ใช้กัน…”

“เอ้า เข้ามาเล้ย มิได้ท้าทายนะ แต่ขอเชิญชวน (ฮ่า)”

ดารานำแสดง : นายขนมต้ม เอ้ย เยนตะละแมนน้อยบนดอยสูง (แม้วน้อยเจ้าเก่า)

ตากล้อง : อีตาปิยพงศ์ (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า

ปิยพงศ์ (เมืองหละปูน)

 

แค่เขา “ดีไซน์” เอาไว้ให้พวกเรา (ฮา)

ก็เป็น “มวยต่อ” บานเบอะ ไม่มีใคร “รอง”

แม้วน้อยอย่าซ่ามาก

เดี๋ยวเจอข้อหาส่ง “มวยเด็ก” มาชกอีกข้อหา!

 

0 อนาคต “เด็ก”

 

ใครคนหนึ่งไปเยี่ยมจังหวัดต่างๆ

แล้วก็กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จัดหาหนังสือมาใส่ห้องสมุดประชาชน กลัวว่าหนังสือจะไม่พอให้คนอ่าน

แต่ความจริงหนังสือมีมากแต่ไม่ค่อยมีคนอ่าน

เหตุที่ไม่ค่อยมีคนอ่านเพราะหนังสือไม่ถูกกับรสนิยม

คือ พวกนักอ่านเห็นแล้วอย่าว่าแต่ให้ซื้อเลย

ให้ฟรีๆ เขาก็ไม่เอา

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะพวกซื้อหนังสือมาใส่ห้องสมุด ไม่ใช่นักอ่าน

นี้คือตัวอย่างอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำอะไรไม่เข้าใจ เสียทั้งเงิน เสียเวลา

อีกตัวอย่างเช่น เห็นการศึกษาไม่มีคุณภาพ คิดว่าเป็นเพราะงบประมาณน้อย

ก็เลยเพิ่มเงินงบประมาณเข้าไปปีละ 5 แสนล้าน ก็ไม่ได้ผลอีก

คิดว่าเป็นเพราะครูเงินเดือนน้อย ก็เพิ่มเงินเดือนให้ครูมากๆ คนละหลายหมื่น ก็ไม่ได้ผลอีก

ให้ครูไปอบรมบ้าง ให้ทำผลงานทางวิชาการบ้างก็เหมือนเดิม

ทำมาหลายสิบปี ไม่ได้ผลเลยเปลี่ยนวิธีทำใหม่

บางอย่างพอจะแก้ไขได้ แต่หลายอย่างแก้ไขไม่ได้

เพราะคนเก่าเขาวางนโยบายมัดไว้อย่างแน่นหนา

สมัยก่อนเด็กอ่านคล่อง เขียนคล่อง เรียนวิชาต่างๆ ได้ดี

เขาจัดการศึกษาดังนี้คือ อายุ 6-7 ปี ฝึกอ่านฝึกเขียนอยู่ ป.เตรียมอ่อน ป.เตรียมแก่

ไปฝึกอ่านฝึกเขียน ป.1 อีก 1 ปี รวมเป็น 3 ปี จึงให้ขึ้นไปเรียน ป.2

ต่อมาได้ตัด ป.เตรียมอ่อน ป.เตรียมแก่ออก ให้เข้าเรียน ป.1 เลย ฝึกอ่าน ฝึกเขียน อยู่เพียงปีเดียว ก็ให้ขึ้นไปเรียน ป.2 พื้นฐานจึงอ่อนกว่าเก่ามาก

เด็กอ่อนอ่านเขียนพวกนี้จะส่งต่อขึ้นไปเรื่อยๆ

ครูแต่ละชั้นจะสอนยาก เด็กอ่อนอ่านเขียน เรียนวิชาต่างๆ ไม่รู้เรื่อง

สิ้นปีมา ตอบข้อสอบไม่ผ่านเกณฑ์ ครูก็เอาพัฒนาการด้านต่างๆ ไปเพิ่มให้

เรื่องนี้คนที่ไม่ใช่ครู จะไม่ทราบว่าเด็กแต่ละชั้นสอบไม่ผ่าน แต่ครูเขียนคะแนนเพิ่มใส่ให้เฉยๆ

เมื่ออ่อนมาจากชั้นประถม ไปเรียนชั้นมัธยมก็อ่อนต่อไปอีกตามเคย เพราะครูได้รับเด็กอ่อนมาจากชั้นประถม

ดังจะเห็นได้จากผลการสอบโอเน็ต ได้คะแนนไม่ถึงครึ่งเกือบทุกวิชา

ต่อมาแม้จะมีชั้นอนุบาล 3-5 ปี เพิ่มขึ้นมาอีก

แต่นักวิชาการบอกครูว่า เด็กอายุยังน้อยอยู่อย่าเพิ่งให้เรียนหนังสือ ยุบชั้นอนุบาล 3-5 ปี ให้เข้าเรียนอายุ 6-7 ปี

ฝึกอ่าน ฝึกเขียน ป.เตรียมอ่อน เตรียมแก่เหมือนเดิม ซึ่งก็คงทำไม่ได้

เมื่อทำไม่ได้ก็เพิ่มชั้นอนุบาลอายุ 6 ปีเข้าไปอีก เพื่อให้ฝึกอ่านเขียนกับ ป.1 รวมเป็น 2 ปี จึงส่งให้เรียน ป.2

หรือจะเอาอย่างรัสเซียเข้าเรียนชั้นอนุบาลอายุ 7 ปี

ถ้าไม่แก้ไขแบบที่ว่ามานี้ มันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนที่เคยเป็นมานั่นเอง

ชาญชัย

 

ไม่อยากหวังอะไรนัก

แต่เมื่อเห็นพรรคการเมืองแข่งนโยบายต่างๆ แล้ว

หวังว่า อย่าลืมแข่งขันนโยบายการศึกษาด้วย

ถึงจะไม่เรียกคะแนนหวือหวา

แต่มันคืออนาคตเด็ก-เด็ก ของเรา

ซึ่งสำคัญมาก