สามมิตร ฮึกห้าว เหิมหาญ ใต้ร่มธง ของ พลังประชารัฐ

เห็นภาพ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ชูมือขึ้นสูงเด่นอยู่เรียงเคียงข้างกับภาพ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิ รัตน์ สนธิจิรวงศ์ แล้ว

สัมผัสได้ในความฮึกห้าวเหิมหาญ สัมผัสได้ในความมั่นใจที่ ประกาศออกมาว่า

“พรรคพลังประชารัฐจะไม่กวาด 350 เสียงได้อย่างไร”

ความมั่นใจในที่นี้หากตรวจสอบผ่านแต่ละ”ถ้อยคำ”ของแต่ละคนที่เปล่งออกมาก็จะมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็น

“การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

“สาเหตุที่มาร่วมพรรคพลังประชารัฐเพราะเป็นรัฐบาลแน่นอนเนื่องจากมีส.ว.สรรหา 250 คนสนับสนุน”

ยิ่งกว่านั้นคือรากฐานความเป็นมาของ “กลุ่มสามมิตร”

อาจเพราะความปลาบปลื้มที่ได้สัมผัสกับชัยชนะ อาจเพราะต้อง การให้เห็นถึงรากฐานการเสาะหาและสะสมพลังทำให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล้าเปิดเผย

“เมื่อประมาณวันที่ 11 เมษายน

ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือสมัยอยู่พรรคไทยรักไทยด้วยกันผมไม่ขอเอ่ยชื่อ น่าจะทราบกันดี ท่านบอกว่าถ้าไม่มีพรรค ทางเลือกใหม่ให้ประชาชน

การเลือกตั้งครั้งใหม่ 2 ขั้วเดิมมา เมื่อเลือกตั้งเสร็จคงจะเกิดวิกฤตการเมืองอีก ซึ่งจะเกิดเหตุการณ์ที่ทหารเข้ามา

ถ้าไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นก็ต้องมาเป็นพรรคทางเลือกใหม่”

แสดงให้เห็นว่า “กลุ่มสามมิตร” เริ่มเมื่อเดือนเมษายน 2561

แสดงให้เห็นว่า “กลุ่มสามมิตร” เกิดจากการเสนอแนะของผู้ใหญ่ที่เคยทำงานร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในพรรคไทยรักไทย

ผมไม่ขอเอ่ยชื่อน่าจะทราบกันดี”

คำถามก็คือ “ผู้ใหญ่” คนนั้นน่าจะเป็นคนที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างสูง

และน่าจะเป็นตัวจริงอยู่ใน “กลุ่มสามมิตร”

ขณะเดียวกัน “ผู้ใหญ่” คนนั้นน่าจะมี “บารมี” มากพอสมควรใน คสช.และในรัฐบาล จากเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน “กลุ่มสามมิตร” จึงเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว คล่องใจ

ถามว่า “ผู้ใหญ่” ที่เคยอยู่พรรคไทยรักไทยคนนั้นเป็นใคร