“สืบพงษ์”ส่งหนังสือถึงเลขาศาลฯถอด”ชำนาญ”ออกจากบัญชีผู้มีสิทธิรับเลือกก.ต.

“สืบพงษ์” ส่งหนังสือถึงเลขาสำนักงานศาลฯถอดชื่อ”ชำนาญ”ออกจากบัญชีผู้มีสิทธิรับเลือกเป็น ก.ต.หลังมีชื่อผุดขึ้นมา ชี้เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียขาดคุณสมบัติ

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ได้กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้กำหนดการเลือกตั้งซ่อมกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.)ผู้ทรงคุณวุฒิชั้นศาลฎีกาซึ่งว่างลง1ตำแหน่ง แทนนายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ที่ถูกลงมติถอดถอนแต่ปรากฏว่าคงมีรายชื่อนายชำนาญเป็นบุคคลที่มีสิทธิ์รับเลือกเป็น ก.ต. อยู่ ว่า ตนในฐานะคณะผู้แทนผู้เข้าชื่อในการยื่นคำร้องขอให้มีการลงมติถอดถอนนายชำนาญออกจาก ก.ต.เห็นว่าผู้มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นก.ต.ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา39 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 ซึ่งตาม(1)กำหนดว่าต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา26(5)อันเป็นคุณสมบัติประการหนึ่งของคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา คือไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย และเมื่อคณะผู้แทนของผู้เข้าชื่อได้ร่วมกันยื่นคำร้องโดยเเสดงเหตุแห่งการประพฤติตนเสื่อมเสียของนายชำนาญเพื่อให้มีการพิจารณาลงมติถอดถอนนายชำนาญออกจากตำแหน่งก.ต.ซึ่งตามระเบียบ ก.ต.ว่าด้วยการเข้าชื่อและลงมติเพื่อถอดถอน ก.ต. พ.ศ.2544 ข้อ4(2) ระบุให้ผู้เข้าชื่อถอดถอนแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีความประพฤติเสื่อมเสียสอดคล้องกับถ้อยคำในมาตรา26(5)

ดังนั้นเมื่อข้าราชการตุลาการเท่าที่มีอยู่ยกเว้นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้ลงมติมีผลให้ถอดถอนนายชำนาญออกจาก.ต.แล้ว มติดังกล่าวจึงเป็นที่สุดตามข้อ17 ของระเบียบดังกล่าว จึงถือว่านายชำนาญเป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียอันขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้มีสิทธิ์รับเลือกเป็นก.ต. และมีผลผูกพันสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะต้องไม่บรรจุรายชื่อนายชำนาญ ไว้ในบัญชีผู้มีสิทธิ์รับเลือกเป็นก.ต. ตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าว

นายสืบพงษ์ ยังระบุต่อว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ตนจึงได้ยื่นหนังสือไปถึงนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ขอให้ลบชื่อนายชำนาญ ออกจากบัญชีรายชื่อและหมายเลขบุคคลผู้มีสิทธิ์รับเลือกเป็นก.ต.ในชั้นศาลฎีกา

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายชำนาญ ได้ยื่นฟ้อง นายสืบพงษ์ ที่ศาลมีนบุรี ฐานละเมิดฯกรณีที่นายสืบพงษ์ให้สัมภาษณ์ในวันที่มีมติถอดถอนนายชำนาญ ออกจากตำแหน่งก.ต. เมื่อวันที่26 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเรียกค่าเสียหาย 1ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้นายชำนาญเองก็เคยได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวโทษนายสมชาติ ธัญญาวินิชกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา, นายเกียรติพงศ์ อมาตยกุล ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4, นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2, นายพงษ์ศักดิ์ ตระกูลศิลป์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์, นายพัลลอง มั่นดี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา และ น.ส.มณี สุขผล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ในข้อหาหมิ่นประมาท, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 และร้องทุกข์กล่าวโทษนายสืบพงษ์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157