เฟซบุ๊ก “ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr.Suvit Maesincee” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีที่ได้เดินทางไปมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเปิดโครงการ “ลานนา 4.0 พลิกโฉมเมืองเหนือ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม”

ลานนา 4.0 พลิกโฉมเมืองเหนือ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
#คนไทยสู้ได้

ทั้งนี้ “ดร.สุวิทย์” ระบุว่า ทันทีที่ผมมาถึงห้องประชุม เสียงเพลงแร็พ “ไทยแลนด์ 4.0 คนไทยสู้ได้” ก็ดังกระหึ่มขึ้นทันที ผมฟังเพลงนี้หลายครั้งแล้ว ผมก็ยังรู้สึกฮึกเหิมทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะหัวใจสำคัญของเพลงนี้มี 2 เรื่อง คือ 1.นวัตกรรม จะเป็นเครื่องมือที่ชี้ชะตาประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 และ 2.ไทยแลนด์ 4.0 ไม่ได้เริ่มต้นที่ไหน แต่เริ่มต้นที่ตัวคุณเอง คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง ต้องกล้าคิดกล้าทำ

นอกจากนี้ ในเพลงยังมีนัยสำคัญซ่อนไว้ คือการนำทำนองเพลงสามัคคีชุมนุมมาผสมผสานในเพลง เพื่อสื่อความหมายให้เห็นถึงการรวมพลังของคนในชาติ ที่จะเดินไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยกันครับ

งานลานนา 4.0 เป็นการดำเนินการต่อเนื่องถัดจากงานอีสาน 4.0 และจะกระจายออกไปตามภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะดำเนินการในอนาคต นั่นก็คือ 1.อาหารแห่งอนาคต 2.การแพทย์แห่งอนาคต 3.พลังงานแห่งอนาคต และ 4.เทคโนโลยีแห่งอนาคต ทั้ง 4 เรื่องอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือมีศักยภาพที่ทำได้ เพราะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีจุดแข็งเป็นที่รวบรวมองค์ความรู้และเทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะด้านควอนตั้มคอมพิวติ้ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21 ที่โลกกำลังให้ความสนใจ อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่เก่งด้านฟิสิกส์อีกเป็นจำนวนมาก

ผมเชื่อว่า การทำงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือจะสร้างผลลัพธ์และผลกระทบให้แก่ภูมิภาคแห่งนี้ จะมีจำนวนธุรกิจเกิดใหม่ในระบบนิเวศเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการในภูมิภาคได้รู้จักและเห็นประโยชน์จากงานวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะในด้านของ BCG Model ซึ่งก็คือ การบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ไปพร้อมๆ กัน และเราจะได้เห็นการเชื่อมโยงของลานนา 4.0 กับไทยแลนด์ 4.0 ได้ชัดเจนขึ้น ผ่านการลงทุนและเกิดการสร้างนวัตกรรมผ่านทางอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือและในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ

…มีแต่นวัตกรรมเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนครับ