ภารกิจสำคัญของ “ผบ.ทบ.” “บิ๊กแดง” กับ “การรัฐประหาร” ในฐานะ “แผนเผชิญเหตุสุดท้าย”!

“ผมมั่นใจว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ถ้ามันไม่เกิด มันก็ไม่มีอะไร”

นี่คือคำตอบของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ต่อคำถามของนักข่าวที่ว่ายุคนี้จะมี “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” อีกหรือไม่?

คำตอบดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสเคลื่อนไหวจากฝั่งการเมืองทันที

โดยเฉพาะ “คนเสื้อแดง” ที่มีชื่อ “บิ๊กแดง” ติดอยู่ใน “แบล๊กลิสต์” ตั้งแต่สมัยสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2552 จนถึงการยึดคืนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคม จ.ปทุมธานี สมัยเป็นผู้การ ร.11 รอ. ในปี 2553

เมื่อมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “บิ๊กแดง” จึงถูกโยกออกนอกกรุงไปเป็น ผบ.พล.ร.11 ที่ฉะเชิงเทรา และ ผบ.มทบ.15 เพชรบุรี

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. จะโยก “บิ๊กแดง” กลับเข้ากรุง ขึ้นเป็น ผบ.พล.1 รอ. เพื่อคุมกำลังทหารของพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เพียง 1 เดือน

คําตอบของ ผบ.ทบ. มีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อ “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. รุ่นพี่ ตท.18 ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับ “บิ๊กแดง”

“ผมเชื่อว่าทหารหรือทุกๆ คนเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาล ประชาชนทั่วไป หรือทหาร เราไม่อยากปฏิวัติอยู่แล้ว เรามีหน้าที่รักษาความสงบและเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ถ้าทุกคนร่วมใจกันอยู่ในกติกา ก็ไม่มีอะไรเกิด”

กระแสข่าว “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” จึงดังหนาหูมากขึ้นในช่วงท้ายยุค คสช.ครองอำนาจ ขณะที่ “บิ๊กตู่” หัวหน้าคณะรัฐประหาร มีท่าที “ไม่ยอมลงจากหลังเสือ” เพราะประกาศสนใจงานการเมือง แถมหันมาเปิดโซเชียลมีเดียเพื่อพูดคุยกับประชาชน

แม้แต่ “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ก็รับลูกคำพูดของ “บิ๊กแดง-บิ๊กต่าย” เช่นกัน

แม้จะย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีนัยยะของเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองหรือความขัดแย้ง แต่ ผบ.ทหารสูงสุด เห็นว่าทั้ง ผบ.ทอ. และ ผบ.ทบ. ต่างแสดงความเห็นออกมาจากประสบการณ์

ที่สำคัญ การ “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” คือแผนเผชิญเหตุสุดท้าย หรือตัวเลือกท้ายสุดของ ผบ.เหล่าทัพ

“ท่านพูดด้วยประสบการณ์ นั่นคือ “แผนเผชิญเหตุสุดท้าย” แต่ขณะนี้กลไกกฎระเบียบของบ้านเมืองยังใช้บังคับได้ และผู้คนยังเคารพกฎหมาย ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ผมก็ยังไม่เห็นปรากฏว่ามีนัยยะสำคัญ จนถึงขนาดที่ต้องน่ากังวล” พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าว

อีกกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันคือข้อเสนอเรื่อง “รัฐบาลเฉพาะกาล” เพื่อปูทางให้มี “นายกฯ คนกลาง”

ข่าวคราวนี้ถูกพูดถึงกันมานานในหมู่คนต้าน คสช. ซึ่งเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ล่าสุดข้อเสนอดังกล่าวหลุดออกมาจากคำสัมภาษณ์ของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และ “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำ นปช. ผู้มีท่าที “ซอฟต์” ลง หลังออกจากเรือนจำ

ก่อนจะมีกลุ่มคนรับลูกเตรียมยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาลและให้ คสช.พ้นจากอำนาจ คนกลุ่มนั้นถูกคุมตัวไปที่ มทบ.11 ก่อนจะถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา

สำหรับ พล.อ.อภิรัชต์ คนเหล่านี้เป็นเพียงกลุ่มคนสติไม่สมประกอบ

“การหมิ่นที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง การก้าวล่วงหลายครั้ง เกิดจากคนสติไม่สมประกอบ ยกตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่อยากเอ่ยชื่อ ไปยื่นถวายฎีกา พอไปจับเข้า เอาแพทย์มาตรวจ ป่วยเป็นโรคจิต ตำรวจส่งศรีธัญญาไปแล้ว” ผบ.ทบ.กล่าว

ภาพจากเพจ Smart Man Smart Soldier

แต่กระแสข่าวทั้งหมดไม่ได้สร้าง “แรงกระเพื่อม” ให้แก่รัฐบาล คสช. ด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง “บิ๊กแดง” กับ “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรี

เพราะตั้งแต่ช่วงก่อนถึงหลังรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายภารกิจสำคัญให้ พล.อ.อภิรัชต์รับผิดชอบ จนได้ชื่อว่าเป็น “น้องรักต่างสาย” เนื่องจาก “บิ๊กแดง” เป็นทหารสาย “วงศ์เทวัญ” ที่เติบโตมาจาก ร.11 รอ. เป็นเครือข่าย “ราบ 11 คอนเน็กชั่น” ไม่ใช่ “ทหารเสือฯ” หรือ “บูรพาพยัคฆ์”

ด้าน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็น ผบ.ทบ.ในช่วงเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ช่วงที่ “บิ๊กแดง” เป็นผู้การ ร.11 รอ. ได้กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ พูดถึงเรื่องการปฏิวัติ-รัฐประหาร ว่า

“ท่านก็พูดชัด ผมไม่ขอขยายความ ท่านระบุว่าหากประเทศไม่มีความขัดแย้งอีกแล้ว ไม่มีการใช้กำลังกัน พรรคการเมืองใช้อำนาจในทางที่ถูก โดยไม่ขัดแย้งกัน ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น”

ย้อนไปในอดีต พล.อ.อภิรัชต์เคยร่วมกับ “เพื่อน ตท.20” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวปกป้อง “บิ๊กป๊อก” (ตท.10) และกองทัพบก หลังจาก “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. (ตท.11) ได้ออกมากล่าวพาดพิง พล.อ.อนุพงษ์ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง

วิวาทะในขณะนั้นระหว่าง “คนเสื้อแดงและเสธ.แดง” กับ “กองทัพ” ถือว่ามีความร้อนแรงมาก จนมีการตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยของ “เครือข่าย” พล.ต.ขัตติยะด้วย

ส่วน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ระบุตรงกับ มท.1 ว่าสิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวนั้นไม่ได้เป็นการขู่ใคร

“ไม่ได้ขู่ แต่ ผบ.ทบ.บอกว่า ถ้าสถานการณ์ไม่เรียบร้อย เกิดจลาจล ก็เท่านั้น แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไร”

อนาคตของ พล.อ.อภิรัชต์ ถูกจับตามองทั้งจากในและนอกรั้ว ทบ.

อย่างน้อย “บิ๊กแดง” ก็ได้ขึ้นเป็น ผบ.เหล่าทัพเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่า “บ้านคงสมพงษ์” มี 2 ผบ.เหล่าทัพ ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์พยายามยึดแบบอย่างของ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ในการเป็นทหารมาโดยตลอด

ที่เห็นได้ชัดคือการแต่งกายแบบ “บิ๊กจ๊อด” ที่ได้รับฉายา “นายพลเสื้อคับ” ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ถือเป็นนายทหารที่แต่งตัวเนี้ยบสม่ำเสมอ ยิ่งผ่านการฝึกหลักสูตรสำคัญมาแล้วก็ยิ่งทำให้มีความ “เป๊ะ” มากขึ้น หรือที่เรียกกันว่า “สายสมาร์ต” นั่นเอง

ในการประชุม ผบ.เหล่าทัพครั้งแรกที่ บก.กองทัพไทย “บิ๊กแดง” ได้เดินไปดูภาพทำเนียบอดีต ผบ.ทหารสูงสุด หนึ่งในนั้นคือ “บิ๊กจ๊อด” ผู้เป็นบิดา

ผบ.ทบ.คนใหม่ จึงได้ไหว้รูปคุณพ่อพร้อมจับป้ายชื่อด้วยรอยยิ้มแห่งความคิดถึง และมีน้ำตาคลอเล็กน้อย

ส่วน พล.อ.อภิรัชต์จะเดินตามรอย “บิ๊กจ๊อด” ที่เป็นอดีตประธาน รสช. หรือไม่นั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ แต่เชื่อกันว่าไม่เกินมือ “บิ๊กแดง” แน่นอน

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองช่วงใกล้เลือกตั้งที่จะยิ่งร้อนมากขึ้น เรื่อยไปถึงสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง ซึ่งทุกชั่วขณะสามารถทำให้เกิด “เงื่อนไขสุกงอม” อันนำไปสู่ “การปฏิวัติ-รัฐประหาร” ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะหากมี “ม็อบจุดติด” เป็นอัตราเร่ง

ดังนั้น “บิ๊กแดง” จึงได้กำชับให้กำลังพลต้อง “เป็นกลาง” ทางการเมือง เพื่อไม่ให้ถูกฝ่ายการเมืองฉวยโอกาสนำไปใช้ประโยชน์ โดยได้สั่งการในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรง ทบ. วาระพิเศษ ถึงการวางบทบาท ให้ระมัดระวังการลงพื้นที่ แม้แต่ภารกิจช่วยเหลือประชาชน ระวังฝ่ายการเมืองแสวงหาประโยชน์ ที่อาจมาในรูปการมาขอช่วยชาวบ้านร่วมกับทหาร

นอกจากนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศเกื้อกูลไปสู่การเลือกตั้งต้นปี 2562 ให้หน่วยงานต่างๆ ของ ทบ. ประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กกต. หากได้รับการร้องขอมาให้เข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยต่างๆ

ในที่ประชุม พล.อ.อภิรัชต์ได้แจกตารางโรดแม็ป คสช. หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้กำลังพลรับทราบถึงช่วงเวลาและการปฏิบัติงานต่างๆ ในแนวทางเดียวกัน

อีกภารกิจยิ่งใหญ่ของ ผบ.ทบ. คือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วย พล.อ.อภิรัชต์ดำรงหนึ่งตำแหน่งสำคัญ เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจ 904 (ผบ.ฉก.904)

“รัฐบาลเปลี่ยนไป แต่องค์พระมหากษัตริย์อยู่คู่ฟ้า คู่แผ่นดินไทยไปตลอด นี่คือหน้าที่ของกองทัพ และผมจะปกป้องสถาบันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงการ “เปลี่ยนผ่าน” ดังนั้น การขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ของ “บิ๊กแดง” ก็เพื่อรองรับ “ภารกิจพิเศษ” ในการดูแลสถานการณ์ภาพรวมของบ้านเมืองและปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักของปวงชน

งานทั้งหมดนี้ต้องร่วมมือกับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ที่ได้ชื่อว่า “เนี้ยบ” และ “เป๊ะ” ไม่ต่างกัน