วันที่ 16 ตุลาคม 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สได้ออกรายงานพิเศษรับช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งบนโซเชียลมีเดีย ที่ล่าสุดเฟซบุ๊ก ประกาศนโยบายใหม่พร้อมลบข้อมูลปลอมหรือเป็นเท็จเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนนเสียงหรือสถานการณ์ความรุนแรงหน้าคูหาเลือกตั้งที่ไม่เป็นความจริง ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม เพื่อลดอิทธิพลต่อการชี้นำผู้คนที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่ใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อติดตามข่าวสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล

โดยนโยบายล่าสุดนี้ ได้รับการเปิดเผยโดยนายเนธาเนล ไกลเชอร์ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายความมั่นคงไซเบอร์และผู้บริหารของเฟซบุ๊กว่า เป็นการลบหรือสกัดขข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการหาเสียง ซึ่งได้ประกาศไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามที่นายรอน ไวเดน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯได้ถามต่อนางเชอริล แซนเบิร์ก ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของเฟซบุ๊กว่าเฟซบุ๊กจะตอบโต้เนื้อหาที่มุ่งสกัดไม่ให้ลงคะแนนเสียงเพื่อไม่ทำให้เกิดการสวิงคะแนนอย่างไร

เทสซ่า ลียอน ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กกล่าวว่า เราไม่เชื่อว่าเราจะลบสิ่งเหล่านี้จากเฟซบุ๊กที่ถูกแชร์จากผู้ใช้งานตัวจริงได้หากเขาไม่ละเมิดมาตรฐานชุมชน แม้ว่าจะเป็นข้อมูลเท็จก็ตาม

อีกทั้งภายใต้นโยบายใหม่นี้ ข้อมูลเกี่ยวกับรายงานของสถานที่ลงคะแนนที่เป็นเท็จจะมีการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว แต่แม้จะถูกระบุว่าเป็นข้อมูล แต่ข้อมูลนั้นจะไม่ถูกลบทันทีแต่ถูกทำให้เห็นน้อยลง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การมีมาตรการดังกล่าวกลับทำให้เฟซบุ๊กเปิดกว้างให้กับการควบคุมบงการโดยผู้ใช้ที่ต้องการทำให้เกิดผลในการเลือกตั้ง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า รัสเซียหรือประเทศอื่นที่มีศักยภาพก็พร้อมทำทุกทางเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เฟซบุ๊กได้เปิดเผยแผนรณรงค์ทางการเมืองที่สอดประสานกันเพื่อชี้นำผู้ใช้งานอย่างไม่ถูกต้องและสร้างรอยร้าวให้กับผู้ลงคะแนนเสียง โดยเฟซบุ๊กได้ลบเพจและบัญชีผู้ใช้ทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมไป 32 เพจ ซึ่งสมาชิกสภาคองเกรสชี้ว่าวิธีการเช่นนี้ รัสเซียมีความเกี่ยวข้องอย่างมาก แม้ว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธการแทรกแซงเรื่องดังกล่าว