มาดามมาร์โก้คือใคร ? มีตัวตนจริงหรือไม่ พาไปเปิดบ้าน “ศรีชนก วัฒนศิริ” กับ “เค้กก้อนแรก”

เปิดใจ “ศรีชนก วัฒนศิริ” จากเค้กก้อนแรกสู่ 36 ปี “มาดามมาร์โก้” ตำนานครองใจความอร่อย

เมื่อคิดถึงสุดยอดเบเกอรี่ก็ต้องคิดถึงฝรั่งเศส

และเมื่อคิดถึงเค้กสไตล์ฝรั่งเศสในเมืองไทย ก็คงต้องคิดถึงต้นตำรับเจ้าแรกอย่าง “มาดามมาร์โก้” (Madame Marco)

ที่เมื่อ 36 ปีก่อนได้ประเดิมสร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งใหญ่ และอยู่ยืนยงหลายทศวรรษ

ณ ตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ “มาดามมาร์โก้” ทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ “อย่างยาวนาน” และยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งเป็นระดับตำนานก็ยิ่งต้องรักษารสชาติดั้งเดิมคงเอกลักษณ์ ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่

บอกได้เลยว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

มาดามมาร์โก้คือใคร มีตัวตนจริงหรือไม่…หลายคนคงอยากรู้ เปิดบ้านคุยกันตั้งแต่ “เค้กก้อนแรก” กับ “ศรีชนก วัฒนศิริ” ผู้ร่วมก่อตั้งเเบรนด์มาดามมาร์โก้ รังสรรค์เค้กกาเฟเจนัว สูตรเด็ดเลื่องชื่อ ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ เธอถึงกับบอกว่า

“ผ่านความเจ็บทรวงมาไม่รู้เท่าไหร่”

ตำนานเค้กและมิตรภาพ “มาดามมาร์โก้”

“ตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะกลายเป็นธุรกิจ” ศรีชนกเกริ่นก่อนเล่าย้อนไปเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น ที่เธอได้มีโอกาสไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปารีส-ซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส

ในช่วงแรกด้วยความเหงาและไม่มีญาติสนิทมิตรสหาย ทำให้เกิดอาการ “HOMESICK” หนักมาก ไปเดินหากิจกรรมทำหลายอย่างก็ยังไม่คลายความเศร้า สื่อสารภาษาฝรั่งเศสก็ยังไม่คล่องและหลงทางบ่อย ขณะที่ต้องอาศัยอยู่กับเจ้าบ้านซึ่งเป็นครอบครัวชาวฝรั่งเศส มีกฎให้อาบน้ำได้เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จากที่เคยอยู่สุขสบายก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่

“ทำอะไรหลายอย่างจนไม่มีอะไรทำ แต่จากการออกไปเดินเล่นบ่อยๆ โดยเฉพาะแถวฌ็องเซลิเซ่ ก็ทำให้เริ่มมีความสนใจร้านอาหารเเละเบเกอรี่ในฝรั่งเศส ที่สมัยก่อนก้าวหน้ามาก มีร้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมากมาย ไม่ได้ทำขายนักท่องเที่ยวเยอะๆ เหมือนทุกวันนี้”

และชีวิตก็ได้กลับมาสดใสอีกครั้ง ด้วยโชคชะตาเป็นใจ นำพาให้ได้รู้จักกับ “มาดามคอนเชสต้า ดิมาร์โก้” ซึ่งเป็นเพื่อนกับครอบครัวผู้ดูแลเธออยู่นั่นเอง

โดยได้สนิทสนมรู้จักกันในเวลาต่อมา เริ่มต้นจากการชวนกันทำขนม จนมาถึงการถ่ายทอดความรู้และสูตรการทำเบเกอรี่ต่างๆ ให้ในที่สุด

ศรีชนกเล่าต่อว่า พอกลับมากรุงเทพฯ ก็คิดถึงรสชาติเค้กฝรั่งเศส และอยากแบ่งปันให้คนไทยได้รับประทานกัน ก็ทำแจกเพื่อนและคนรู้จัก

แต่เมื่อได้ทำงานในบริษัทเพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) จึงเห็นหนทางที่จะสร้างรายได้และขยายต่อยอดได้

อีกด้วยความสัมพันธ์ที่มีความลึกซึ้ง จึงอยากทำอะไรเป็นที่ระลึกให้มาดามมาร์โก้ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีความประทับใจร่วมกัน จึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า “มาดามมาร์โก้” ซึ่งปัจจุบันท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ในวัย 93 ปี เคยเดินทางมาเมืองไทยและได้ชิมเค้กสูตรนี้ด้วย

“ตอนเสนอโปรเจ็กต์นี้ครั้งเเรก โชคดีที่ไม่มีใครคัดค้าน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสนับสนุน หลายคนกังวลว่าจะไปรอดหรือเปล่า ทุกอย่างยังใหม่มาก คนที่เชี่ยวชาญเรื่องเค้กในเมืองไทยยังไม่ค่อยมี อีกอย่างจุดเด่นของเค้กของมาดามมาร์โก้คือไม่ใช้ผงฟูเลย แต่ในตลาดใช้กันหมด สูตรเราจึงหายาก เป็นความยากลำบากที่เราต้องฝึกฝนฝ่ายผลิตให้ได้เค้กตามต้นตำรับ”

เหตุสนใจทำเบเกอรี่ฝรั่งเศส

ในยุคที่เมืองไทยเมื่อ 36 ปีที่แล้ว

ยังไม่เป็นที่รู้จัก?

“จะน่าเสียดายมากที่ตำราการทำเบเกอรี่ของดิฉันที่ได้มาจากฝรั่งเศสจะถูกเก็บไว้ในตู้” เธอตอบพร้อมมุมมองการตลาดว่า กรุงเทพฯ ในสมัยนั้นแทบจะไม่มีร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ โดยส่วนใหญ่จะออกแนวจีนเป็นขนมปังนิ่มมากกว่า อีกทั้งรสชาติยังไม่ถูกใจคนไทยเท่าไหร่นัก แต่คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีถ้าได้เป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำตลาดได้

โดยส่วนสำคัญที่สุดคือ ความอร่อยของเค้กกาแฟเจนัว ที่เวลาเคี้ยวจะรู้สึกถึงเนื้อนุ่มข้างใน สัมผัสกับเนื้อครีม สัมผัสกับความกรอบและความหอมไปพร้อมๆ กัน กลมกล่อม ด้วยเป็นคนชอบชิมชอบทานของหวาน รู้สึกทันทีเลยว่า “เค้กนี้ใช่”

ต้องยอมรับว่า “เค้กกาแฟเจนัว” เป็นความแปลกใหม่ในยุคนั้น เปิดตัวครั้งแรกก็ยิ่งใหญ่และสร้างกระแสนิยมอย่างมากในปี 2526 ด้วยเค้กนุ่มรสกาแฟ เป็นเนื้อเค้กสปันจ์เนียนนุ่มสลับชั้นครีม 3 ชั้น โรยหน้าเค้กด้วยอัลมอนด์เคลือบคาราเมลจากแคลิฟอร์เนีย ให้รสชาติกรอบมันหวานฉ่ำ พร้อมกับแพ็กเกจจิ้งที่โดดเด่นโดยมีผู้มีชื่อเสียงระดับนายกรัฐมนตรี และไฮโซเมืองไทย อาทิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช, พจน์ สารสิน, คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน, จุติ บุญสูง ร่วมงานอย่างคับคั่ง

“เราไม่ได้ทำเพื่อรอขาย ไม่ได้รอให้คนบังเอิญเดินผ่านแล้วมาเลือกซื้อ แต่เราทำเพราะมีลูกค้าสั่งมา แล้วจัดส่งให้ถึงที่ ไม่ให้ไปค้างตู้ที่ไหน เมื่อวันแรกที่เปิดขายเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ยังคงความสด ความอร่อย ความพิเศษ และเป็นเค้กที่มีบริการจัดส่งถึงบ้านเจ้าแรกของไทย”

หวานน้อย ปรับรับเทรนด์สุขภาพ

เมื่อถามถึงรสชาติเค้กที่ถูกใจคนไทย ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งมาดามมาร์โก้ ตอบว่า คนไทยชอบทานรสหวาน แต่สมัยนี้ให้ความสำคัญกับสุขภาพ บริษัทจึงต้องมีการพัฒนาสูตรเพื่อรองรับผู้บริโภค

“ตลาดที่เปลี่ยนไปในหลายทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะมีเทรนด์รักสุขภาพมากขึ้น แต่หลายคนก็ต้องบอกว่า “เอาเถอะ ฉันยอมอ้วน” เพื่อให้ได้กินเค้กอร่อยๆ สักชิ้นสองชิ้น คนเราทำงานเหนื่อย คงมีช่วงที่อยากทานของที่เราชอบ เป็นการหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ชีวิตสดชื่นขึ้นบ้าง ซึ่งทางบริษัทก็มีการปรับให้หวานน้อยลง แต่คงความอร่อยเหมือนเดิม”

นอกจากนี้ มาดามมาร์โก้ได้พัฒนาเค้กรสชาติใหม่ เพิ่มเค้กตามเทศกาลต่างๆ โดยยังคงความเป็นต้นตำรับและเอกลักษณ์ไว้ให้มากที่สุด เพื่อรักษาฐานลูกค้าประจำที่มีมากว่า 36 ปี และเป็นที่ทราบดีว่า มาดามมาร์โก้จะไม่ทุ่มเงินเพื่อโฆษณาด้านสื่อมากนัก แต่จะใช้เป็นการบอกเล่าปากต่อปากของคนที่ทานจริง

“มาดามมาร์โก้เป็นข่าวได้ด้วยตนเอง ด้วยความอร่อยของตัวเอง” ศรีชนกกล่าว

โดยเค้กมาดามมาร์โก้ ถือเป็นเค้กขวัญใจชาวกรุงมายาวนานกว่า 36 ปี ทำหน้าที่ส่งต่อสูตรลับความอร่อยมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีร้านจำหน่ายทั้งหมด 22 สาขา มีเค้กกว่า 100 รายการ

และสร้างรายได้ให้บริษัทต่อเนื่อง ปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน

ของดีต้อง “อัลมอนด์”

ศรีชนกกล่าวถึงหัวใจหลักของการทำเค้กของมาดามมาร์โก้นั้นพิถีพิถันทุกขั้นตอน

ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ โดยเฉพาะ “อัลมอนด์” ที่ถือเป็นจุดขายของแบรนด์ ซึ่งคัดมาจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เม็ดอัลมอนด์ต้องอวบอูมและมีความยาวได้ขนาด เมื่อนำไปหั่นเป็นแท่งเท่าก้านไม้ขีดต้องไม่แตกหัก หากเม็ดอัลมอนด์ที่ส่งมาไม่ได้ขนาด กลิ่นไม่หอม และคุณภาพไม่ถึง บริษัทจะต้องตีกลับทันที

โดยการคั่วเมล็ดอัลมอนด์ต้องคั่วให้หอม นำไปเคี่ยวน้ำตาลเป็นคาราเมลผสมกาแฟในอุณหภูมิที่พอเหมาะ

เมื่อนำมาเคลือบอัลมอนด์จะทำให้กรอบได้จนถึงวันสุดท้ายที่หมดอายุ

เค้กกับชีวิต

เมื่อถามถึงความสำคัญของ “เค้กกับชีวิต” ในมุมมองของผู้ร่วมก่อตั้งมาดามมาร์โก้ ศรีชนกเผยว่า เค้กเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของงานเฉลิมฉลอง ที่ไม่ใช่แค่งานวันเกิดเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานอื่นๆ ด้วย อาทิ วันครบรอบแต่งงาน งานคืนสู่เหย้า งานต้อนรับกลับบ้าน งานแสดงความขอบคุณ งานสละโสด งานแซยิด หรือแม้แต่งานวันชาติ เป็นเหมือนที่ระลึก

แม้วันนี้ศรีชนกในวัย 63 ปีจะเกษียณอายุการทำงานแล้ว แต่เธอได้ผันตัวเองมาอยู่ในจุดที่เป็น “ผู้บริโภค” คอยใส่ใจรสชาติเค้กอยู่เสมอ และถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นเค้ก เธอขอเปรียบตัวเองเป็น “เค้กกาแฟเจนัว” ที่มีรสชาติกลมกล่อม ทานแล้วอยากทานอีก

“ตอนนี้ก็ยังชิมเค้กทุกเดือน และชิมอย่างใส่ใจว่ามาตรฐานยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”

ฉลอง 36 ปียิ่งใหญ่ ไฮไลต์แฟชั่นโชว์เค้กครั้งแรก

ในโอกาสพิเศษอายุครบ 36 ปี “มาดามมาร์โก้” จึงได้จัดงานฉลองสุดพิเศษขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้าและสมาชิกที่อุดหนุนมาโดยตลอด ซึ่งมีทั้งลูกค้าองค์กรและบุคคล ในวันอังคารที่ 23 ตุลาคมนี้ โดยจะเนรมิตลานแฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน ชั้น 1 จำลองบรรยากาศงานให้มีกลิ่นอายแบบฝรั่งเศส คือ มีความลักชัวรี่ คลาสสิค โรแมนติก และเชิญชวนร่วมย้อนไปในยุครุ่งเรืองของฝรั่งเศส เพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศที่สนุกสนานให้ทุกคนแต่งกายเป็นมาดามและมองซิเออร์ เฉิดฉายในบรรยากาศอบอุ่นที่รายล้อมไปด้วยเค้กในโอกาสต่างๆ

ส่วนไฮไลต์เด็ดอยู่ที่การจัดแฟชั่นโชว์เค้กเป็นครั้งแรกของมาดามมาร์โก้ พรีเซ้นต์เค้ก 9 แบบ 9 สไตล์ เพื่อคนพิเศษและโอกาสพิเศษในหลากหลายเทศกาล โดยจะมีดารานักแสดงมาร่วมเดินในครั้งนี้ด้วย อย่างบี น้ำทิพย์ และฟิล์ม ธนภัทร ควงคู่เดินแฟชั่นโชว์เค้กพิเศษ พร้อมเหล่าเซเลบริตี้แถวหน้าเมืองไทย

“มาดามมาร์โก้ครบรอบ 36 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรายังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ด้วยเอกลักษณ์และรสชาติที่ได้มาตรฐานไม่เปลี่ยนแปลง”

ศรีชนกปิดท้ายด้วยคติประจำใจของแบรนด์ดังมาดามมาร์โก้ว่า “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” น่าติดตามความอลังการของงานเฉลิมฉลองครั้งนี้จริงๆ