เชิงบันไดทำเนียบ : สยบคลื่น ‘ป๋าเปรม’ สบายดี / เส้นทาง ‘บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กจอม’ สู่ภารกิจแห่งเกียรติยศ

เชิงบันไดทำเนียบ : สยบคลื่น ‘ป๋าเปรม’ สบายดี ‘เมสซี่เจี๊ยบ-จอมซุนวู’ ภารกิจแห่งเกียรติยศ

ยิ่งใกล้เลือกตั้ง กระแสข่าวเรื่องการเมืองยิ่งเข้มข้น ไม่เว้นแต่ ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปธ.องคมนตรี ที่มีข่าวลือรายสัปดาห์ถึงเรื่องสุขภาพ ทำให้มีการสอบถามไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์อยู่ตลอด ซึ่งก็ได้รับการยืนยันมาเสมอว่า ‘ป๋าเปรม’ แข็งแรงดี โดยล่าสุด พล.อ.เปรม ได้ออกงานพบสื่อ เมื่อ 26ส.ค.ที่ผ่านมา หลังไปทำบุญวันเกิด อายุครบ 98 ปี ที่วัดราชบพิธฯ กับครอบครัวติณสูลานนท์และนายทหารคนสนิท ซึ่ง ‘ป๋าเปรม’ ก็มีสุขภาพแข็งแรงดี
.
จนมาถึงช่วงวันที่ 21-23ก.ย.ที่ผ่านมา นายทหารคนสนิท ‘ป๋าเปรม’ เปิดเผยว่า พล.อ.เปรม ได้ไปตรวจสุขภาพตามวงรอบ โดยจะต้องพักค้าง 1-2 คืน เพื่อให้แพทย์ตรวจอย่างละเอียด ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งไม่ได้ไม่สบายจนต้องเข้าโรงพยาบาล
.
ผ่านมา 2 สัปดาห์ มีกระแสข่าวถึง ‘ป๋าเปรม’อีกครั้ง โดยมีการเชื่อมโยงกันว่า พล.อ.เปรม ยังไม่ได้ออกจาก รพ. ตั้งแต่ครั้งไปตรวจสุขภาพ 21ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ บุคคลใกล้ชิด พล.อ.เปรม ยืนยันว่า ‘ป๋าเปรม’ พักอยู่ที่บ้านสี่เสาฯตามปกติ และยังคงเดินออกกำลังกายในบ้านสี่เสาฯ ไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวแต่อย่างใด
.
อีกทั้งมีรายงานว่า พล.อ.เปรม ยังคงไปนำประชุมองคมนตรี ที่ ทำเนียบองคมนตรี เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อสรุปงานต่างๆด้วยตนเอง
.
พร้อมกันนี้มีการนำภาพการขนย้ายสิ่งของขึ้นรถทหาร ออกจากราชตฤณมัยสมาคมฯ หรือ สนามม้านางเลิ้ง ออกมาแชร์แต่กลับระบุว่าเป็นบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย ซึ่งอาคารในภาพนั้นแตกต่างจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ แม้มีสีขาวเหมือนกัน แต่รูปทรงต่างกัน

ซึ่งที่ผ่านมา ‘ป๋าเปรม’ ได้งดออกงานไปจำนวนมาก นับตั้งแต่ต้นปี2561 ในงานเลี้ยงรับรองวันกองทัพบก ที่แพทย์ขอให้พักผ่อน หลัง ‘ป๋าเปรม’ มีอาการทานอาหารได้น้อยลงและร่างกายอ่อยเพลีย และยกเลิกการเป็น ปธ.งานสานใจไทย สู่ใจใต้ ที่ ‘ป๋าเปรม’ มอบ ‘บิ๊กแอ้ด’พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ส่งการ์ดมาอวยพรเยาวชน จ.ชายแดนภาคใต้ แทน ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ที่แพทย์ขอให้งดออกงานและให้พักผ่อน
.
ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. นำ ผบ.เหล่าทัพ ทีม 5 เสือแต่ละเหล่าทัพ และรัฐมนตรีบางราย เข้าอวยพรวันปีใหม่ไทย หรือ วันสงกรานต์ ซึ่ง พล.อ.เปรม ก็ใช้เวลาไม่มากนักในการรับคำอวยพรและอวยพร นายกฯ ด้วยสุขภาพขาที่ไม่ควรยืนนานจนเกินไป

อีกทั้งช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดทางการเมืองมากนักหรือฝากสิ่งใดกับรัฐบาล-คสช.เป็นพิเศษ โดยครั้งล่าสุดคือการเปิดบ้านสี่เสาฯให้ นายกฯ เข้าขอพรวันปีใหม่ ช่วงปลายปี2560 ที่ ‘ป๋าเปรม’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ เรื่อง ‘กองหนุนลด’ นั่นเอง
.
อย่างไรก็ตาม ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีตผบ.ทบ. และ ‘บิ๊กจอม’พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง อดีตผบ.ทอ. ที่เป็นเพื่อนตท.16 ด้วยกัน พร้อม ‘ดร.กบ’นายอำพน กิตติอำพน อดีตเลขาธิการ ครม. และ อดีตผอ.สํานักงานบริหารนโยบายของนายกฯ หรือ พีเอ็มดียู ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ‘องคมนตรี’
.
ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัย เป็นนายทหารสายรบพิเศษ หรือ หมวกแดงป่าหวาย จ.ลพบุรี ที่เดินตามรอยนายทหารรุ่นพี่อย่าง ‘บิ๊กแอ้ด’พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผบ.ทบ. ที่ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ซึ่งทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.เฉลิมชัย เคยผ่านการรบแนวชายแดนมาด้วยกัน ในยุคเขมร 3 ฝ่าย โดยในครั้งนั้นมี ‘บิ๊กบัง’พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. เข้าร่วมด้วย โดยทั้ง 3 คน ได้ลาออกราชการ เพื่อไปปฏิบัติการลับแนวชายแดน
.
พร้อมใช้ชื่อจัดตั้ง ได้แก่ ‘หัวหน้าวิชชุ’ หรือ พล.อ.สุรยุทธ์ และ ‘หัวหน้านาวิก’ หรือ พล.อ.สนธิ ในหน่วยปฏิบัติการหมายเลข 838 ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก หมายเลข 315 ที่จัดตั้งโดย ‘หัวหน้าไชโย’ หรือ ‘บิ๊กจิ๋ว’พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในส่วน พล.อ.เฉลิมชัย ได้ใช้ชื่อจัดตั้ง คือ ‘หัวหน้าชัยสิทธิ์’ โดย พล.อ.เฉลิมชัย มีส่วนสำคัญในการเข้าแก้ไขปัญหาเขมร 3 ฝ่าย ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญคือ การโน้มน้าวเจรจากับกองกำลังเขมรแดงที่เป็นกองกำลังที่เข้มแข็งที่สุด ส่งผลให้ยุติการสู้รบ นำไปสู่การสร้างสันติภาพของประเทศกัมพูชาด้วย ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของทหารรบพิเศษ


ทั้งนี้ด้วย พล.อ.เฉลิมชัย เป็นนายทหารรบพิเศษ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการความแข็งแกร่งทางร่ายกาย เมื่อขึ้นเป็น ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้จัดทำโครงการ Smart Soldier ขึ้น เมื่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จึงได้สานต่อเป็น Smart Man Smart Army แทน โดยให้มีการทดสอบร่างการผู้บังคับกองพันและผู้การกรมขึ้น พร้อมทั้งการทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษด้วย ซึ่ง พล.อ.เฉลิมชัย ก็นิยมออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะฟุตบอล ที่นิยมเล่นตั้งแต่สมัยเป็นผู้บังคับกองพันในหน่วยรบพิเศษ จนได้ชื่อว่า ‘เมสซี่เจี๊ยบ’ ของกองทัพบก

ส่วน พล.อ.อ.จอม นั้น เป็นนายทหารทีครบเครื่องทั้งสายบู้และสายบุ๋น โดย ‘บิ๊กจอม’ จบจากโรงเรียนรวมเหล่าญี่ปุ่น เคยปฏิบัติหน้าที่นักบิน F-5 อดีตผู้บัญชาการ ร.ร.เสนาธิการทหารอากาศ เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ และ เสธ.ทอ. ซึ่ง พล.อ.อ.จอม ใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นมา 7-8ปี เพื่อไปเรียนตั้งแต่นักเรียนโรงเรียนรวมเหล่าญี่ปุ่นและหลักสูตรโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศญี่ปุ่น และวิทยาลัยการทัพอากาศญี่ปุ่น จนสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแคล่ว
.
อีกทั้งได้ชื่อว่า ‘ซุนวูแห่งทัพฟ้าไทย’ เพราะได้แปล “ตำราพิชัยสงคราม 13 บทไม้ตายของซุนวู” เป็นภาษาไทย โดย ‘ซุนวู’ เรียกได้ว่าเป็น ‘ปราชญ์แห่งพิชัยยุทธ์’ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” นั่นเอง
.
อีกทั้ง พล.อ.อ.จอม ได้นำมาปรับใช้กับการทำงานสายวิชาการและสมัยเป็นแม่ทัพฟ้า โดนมีปรัชญาที่ว่า “มหาสมุทรยิ่งใหญ่ เพราะ ต่ำ ลึก จึงมีน้ำมาก ท้องฟ้ายิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะไม่เคยเอาเปรียบใคร” และยึดหลัก 3 ส. ในการทำงานคือ “สานงานเดิม-เสริมส่วนขาด-สร้างสิ่งใหม่” และ นโยบาย Smart People ทหารฉลาด Smart Weapon System อาวุธฉลาด และ Smart Tactics กลยุทธ์ฉลาด และ ระบบควบคุมบังคับบัญชาที่ทันสมัย
.
บทบาทของ พล.อ.เฉลิมชัย และ พล.อ.อ.จอม นับจากนี้ ถือเป็น ‘ภารกิจแห่งเกียรติยศ’