คนมองหนัง : “สังข์ทอง” คะนองฤทธิ์! เมื่อละครจักรๆ วงศ์ๆ คือ “เบอร์ 1” ของทีวีไทยยุคนี้

คนมองหนัง

หลังจากเวียนวนกับเรตติ้งประมาณ “7 กว่าๆ” มานานพอสมควร

ในที่สุด ละครจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง “สังข์ทอง” ที่ออกอากาศทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 7 (35 HD) ก็โกยเรตติ้งทะลุหลัก “8” ได้สองสัปดาห์ติดต่อกัน

เริ่มจากวันเสาร์ที่ 15 กันยายน ซึ่งละครเรื่องนี้คว้าเรตติ้งไป “8.054” ก่อนจะพุ่งขึ้นเป็น “8.412” ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน

ข้ามมาอีกหนึ่งสัปดาห์ “สังข์ทอง” โกยเรตติ้งได้ “8.105” อีกหน ในวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน

ยังไม่นับรวมว่า “สังข์ทอง 2561” ยึดครองตำแหน่ง “โปรแกรมโทรทัศน์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง” ของวงการทีวีไทยมาต่อเนื่องหลายสัปดาห์ (เดือน)

แม้เมื่อเปรียบเทียบกับ “บุพเพสันนิวาส” ว่าที่แชมป์ประจำปี 2561 จากช่อง 3 ซึ่งได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่องไป “13.384” ตัวเลขของละครจักรๆ วงศ์ๆ แห่งปีจะยังดูห่างไกลนัก

แต่มีความเป็นไปได้สูงที่ละครพื้นบ้านเรื่องนี้จะผงาดขึ้นเป็น “รองแชมป์” เมื่อต้องประมวลตัวเลขความนิยมช่วงท้ายปี

ขณะเดียวกัน “สังข์ทอง” ก็เป็นละครจักรๆ วงศ์ๆ เพียงเรื่องเดียวในระยะ 2 ปีหลังที่ทำเรตติ้ง “เกิน 8”

ถัดจาก “แก้วหน้าม้า 2558” ซึ่งเคยทำเรตติ้งพีกๆ ในช่วงกลางเรื่องได้ถึงระดับ “11”

แน่นอน การประคองเรตติ้งให้อยู่ในระดับ 7 ได้หลายสัปดาห์ ก่อนจะทะยานไปถึงหลัก 8 นั้น ย่อมมี “เคล็ดลับ” หรือ “เบื้องหลังความสำเร็จ”

“ไม้ตายหลัก” ในกรณีของ “สังข์ทอง 2561” ก็คงคล้ายคลึงกับ “สังข์ทอง 2550” นั่นคือการยืดเนื้อหาช่วง “ท้าวสามนต์-หกเขย-พระอินทร์ท้าตีคลี” ให้ยาวเยื้อยออกไปเรื่อยๆ ด้วยมุขที่อาจฮาบ้างไม่ฮาบ้าง

โดยมีตัวเลขเรตติ้งเป็นเครื่องมือชี้วัดความสำเร็จ

ผู้เขียนบทความทดลองนับเล่นๆ ว่า จนถึงวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน “สังข์ทอง” ฉบับปัจจุบัน เล่นเรื่อง “ตีคลี” มาแล้วกี่ตอน?

คำตอบที่ได้คือ นับจากวันเสาร์ที่ 8 กันยายน มีการดำเนินเรื่องราวว่าด้วยการตีคลีรวมทั้งสิ้น “6 ตอน” (พูดง่ายๆ ว่าตีคลีกันเกือบตลอดเดือนกันยายน)

แต่กระนั้น “พระสังข์” ก็ยังไม่ยอมถอดรูปเงาะเสียที

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะปรากฏคอมเมนต์ตามยูทูบซึ่งบ่นเบื่อ “ท้าวสามนต์” ถามหา “พระสังข์” และตั้งคำถามว่าจริงๆ แล้ว ละครเรื่องนี้มีชื่อว่า “หกเขย” หรือเปล่า?

(ช่องยูทูบ “สามเศียร” เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ใช้เผยแพร่ “สังข์ทอง” ได้อย่างทรงประสิทธิภาพ โดยจำนวนการคลิกเข้าชมละครแต่ละตอนอยู่ที่ราวๆ 2 ล้านครั้ง)

อย่างไรก็ดี มิอาจปฏิเสธได้ว่าย่อมมีผู้ชมอีกมากมายทั้งในโลกออฟไลน์และออนไลน์ที่ชื่นชอบหัวเราะเฮฮาไปกับลีลาการ “ด้นสด-ออกทะเล (มหาสมุทร)-โซโล่” แบบยาวๆ ของ “สังข์ทอง 2561”

ดังที่ทราบกันว่า “ช่วงกลางๆ เรื่อง” นั้น คือ “เวลาทอง” ของละครจักรๆ วงศ์ๆ เสมอ

คงเหมือนกับที่คนไทยชอบดูลิเก ละครพันทาง หรือติดตามเรื่องราวในวรรณคดี โดยไม่สนใจไยดี “ตอนจบ” นั่นแหละ

เราคงไม่อาจประเมินความสำเร็จของ “สังข์ทอง” จากพัฒนาการเรตติ้งของละครเรื่องนี้เพียงองค์ประกอบเดียว

และการเทียบเคียง “สังข์ทอง” กับละครที่ประสบความสำเร็จในช่วงเวลาอื่น ก็อาจมิใช่วิธีการประเมินผลอันเหมาะสมเข้าทีนัก

ทว่าคู่เปรียบที่ถูกฝาถูกตัวกับ “สังข์ทอง 2561” ควรจะเป็นละครโทรทัศน์ซึ่งแพร่ภาพ ณ ช่วงเวลาเดียวกัน

ในสัปดาห์ที่ “สังข์ทอง” โกยเรตติ้ง “เกิน 8” ได้เป็นหนที่สาม ละครหลังข่าวช่วงศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ของช่องใหญ่ระดับ “บิ๊กทู” ต่างอวสานลงพร้อมๆ กัน เมื่อวันที่ 21 กันยายน

เริ่มจาก “อังกอร์” ของฝั่งช่อง 3 ซึ่งได้เรตติ้งตอนจบไป “7.305” (เป็นตอนที่มีความนิยมสูงสุด)

ขณะที่ “เจ้าสาวจำยอม” ของช่อง 7 ได้เรตติ้งตอนจบไป “6.843” (เป็นตอนที่มีความนิยมสูงสุดเช่นกัน)

ถ้ามองเป็นการแข่งขันว่ายน้ำ “อังกอร์” และ “เจ้าสาวจำยอม” (ณ จุดที่มีศักยภาพสูงสุด) น่าจะยังไล่หลัง “สังข์ทอง” อยู่ 1-2 ช่วงตัวตามลำดับ

แม้ว่า “อังกอร์” เวอร์ชั่นใหม่ จะครองสถานะละครที่มีเรตติ้งตอนจบสูงสุดเป็นอันดับสองของช่อง 3 (33 HD) ประจำปีนี้ รองจาก “บุพเพสันนิวาส” ก็ตาม

สำหรับละครช่วงค่ำวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ชุดใหม่ที่ช่อง 3 และ 7 ส่งมาแทนสองเรื่องเก่านั้น

“ริมฝั่งน้ำ” ของช่อง 3 ได้เรตติ้งประเดิมสองตอนแรกอยู่ประมาณ “2 ปลายๆ” ไม่ถึง 3 ส่วน “สายโลหิต” จากช่อง 7 ซึ่งผลิตโดย “ดาราวิดีโอ” (ค่ายพี่ของ “สามเศียร) ก็ได้เรตติ้ง “4 กว่าๆ”

ที่น่าตกใจเห็นจะเป็น “เลือดข้น คนจาง” ซีรี่ส์ฟอร์มดีสวยหรูจากช่องวัน ซึ่งถูกกล่าวถึงและติดตามรับชมผ่านช่องทางออนไลน์กันอย่างแน่นขนัด

แต่เรตติ้งในวันที่ 21 และ 22 กันยายน กลับออกมาแค่ “0.749” และ “1.072”

ถึงนาทีนี้ คงไม่มีใครหาญกล้ามาคัดค้านว่าสนามแข่งขันในจอทีวี คือพื้นที่อิทธิพลของ “สังข์ทอง” โดยแท้