เผยแพร่ |
---|
ปฎิกิริยาที่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 สะท้อนอย่างเด่นชัดถึงความไม่เข้าใจ
1 ไม่เข้าใจ การเมือง การเลือกตั้ง
1 ไม่เข้าใจ การไหลบ่าเข้ามาอย่างรุนแรงและรวดเร็วของเทคโนโลยี
เมื่อไม่เข้าใจก็เกิด “ความกลัว”
ความกลัวนี่แหละที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาและยิ่งทำให้อาการที่เก็บกดภายในสำแดงออก และก็ดำเนินไปตามบทสรุป จากความจัดเจนของ อองซาน ซูจี
นั่นก็คือ ความกลัวทำให้เกิดความเสื่อม
ถามว่าจะสามารถยับยังความเรียกร้องต้องการการเลือกตั้งได้หรือไม่ ถามว่าจะหยุดยั้ง”เทคโนโลยี”ได้หรือไม่
จากการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 มายังการเลือกตั้งครั้งหน้าภายในปี 2562 เวลาเพียง 8 ปีมีการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นมากมาย
เป็นการเปลี่ยนแปลงภายในกระแส”รัฐประหาร” 2 ครั้ง
จากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 มายังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นำไปสู่รัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ
จากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ในยุคคมช. มายังรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในยุคคสช.
เลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 อาจเพิ่งเข้าสู่ยุค”ดิจิทัล”
แต่พอเหยียบบาทก้าวเข้าสู่การเลือกตั้งในปี 2562 เวลาเพียง 8 ปียุคดิจิทัลได้เติบใหญ่ ชูช่อ อรชร เบ่งบาน เป็นอย่างสูง และส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อการเมือง
คนรุ่นใหม่กว่า 7 ล้านคนที่อยู่ใน”ทศวรรษที่หายไป”อันเนื่องจากรัฐประหารกำลังได้รับการปลุก
กระแส”ทวงคืน ประชาธิปไตย” ดังกระหึ่ม
พลันที่ปี่กลองการเลือกตั้งโหมประโคมการปะทะระหว่างเก่ากับใหม่ก็สำแดงตัวออกมา
ไม่ว่าในเรื่องความคิด ไม่ว่าในเรื่องการเมือง
พื้นที่หนึ่งซึ่งเป็นสนามแห่งการเลือกอันแหลมคมคือ พื้นที่ในทาง “เทคโนโลยี” มีความพยายามจะเข้าไปควบคุม ยึดครองด้วยกระบวนการบังคับข่มขู่
จะเป็นไปได้หรือไม่ในยุคที่ประชาธิปไตยเริ่มเบ่งบาน