‘ท็อป’ รับไม่ตั้งเป้า ส.ส.เยอะ รู้ศักยภาพตัวเอง ยินดีเป็นฝ่ายค้าน เผย ‘ชทพ.’ เปลี่ยนหัวขบวนใหม่หมด แต่ไม่ทิ้งคนรุ่นเก่า

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ห้องประชุมเกษม สุวรรณกุล อาคารเกษมอุทยานิน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ จัดเสวนาวิชาการ “การเมืองกับคนรุ่นใหม่” ขึ้น โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชวน ชูจันทร์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วม

ในตอนหนึ่ง  นายวราวุธ กล่าวว่า บทบาทของคนรุ่นใหม่ในบริบทการเมืองไทยในปัจจุบันก็คงไม่ต่างกับคนรุ่นก่อน เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะมีแนวคิดใหม่ๆเข้ามา การแก้ปัญหาของสังคมในวันนี้เราไม่สามารถมานั่งเลือกได้แล้วว่าฉันจะเอาอันนี้ ไม่เอาอันนี้ แต่ต้องมาช่วยกันโดยใช้อิฐทุกก้อน ทั้งอิฐเก่า และอิฐใหม่มาร่วมกันสร้าง ต้องฟังเสียงคนรุ่นที่ผ่านมาเพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้า แล้วใช้วิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่มาสร้างอนาคตของประเทศไทยร่วมกัน

เมื่อถามว่า มีอุปสรรคอะไรหรือไม่ที่ขัดขวางคนรุ่นใหม่ไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ นายธนาธร กล่าวว่า ตนคิดว่า ปัญหาของเพดานในการแสดงออก และการใช้สิทธิในการเปล่งเสียงของตัวเอง

นายวราวุธ กล่าวว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สามารถแสดงออกได้เต็มที่คือ ผู้ใหญ่ในสังคมไทยยังไม่พร้อม และไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออก แต่น้องๆต้องไม่กลัวที่จะกล้าแสดงออก เพราะผู้ใหญ่บางคนอาจมองการแสดงออกว่าเป็นการก้าวร้าว เป็นการเถียง ฯลฯ การที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องผลักดันให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แล้วให้คนรุ่นใหม่ได้ใช้สิทธิ ใช้เสียง ในการกำหนดทางเดินของประเทศ ทั้งนี้ ตนคงพูดแทนพรรคการเมืองอื่นไม่ได้ แต่สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาได้เปลี่ยนหัวขบวนของเราใหม่หมด ตั้งแต่หัวหน้าพรรค ไปจนถึงคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เราไม่ได้ทิ้งคนรุ่นเก่า เพราะต้องใช้ประสบการณ์ และความสามารถของคนรุ่นใหม่ แต่ผู้ใหญ่จะไม่เข้ามาครอบงำความคิดของคนรุ่นใหม่ วันนี้ คนรุ่นใหม่ต้องกล้าแสดงออก แต่ต้องฟังความเห็นของผู้ใหญ่ด้วย

เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคขนาดกลาง นายวราวุธกล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาหรือพรรคชาติไทยเดิมเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีเส้นทางการเมืองที่เป็นมาแล้วทุกบทบาท ทั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และนายบรรหาร ศิลปอาชา เคยเป็นแกนนำฝ่ายค้าน เป็นพรรคร่วมรัฐบาลและเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านในหลายสมัย พรรคโดนปาระเบิดมาแล้วจากทั้งฝ่ายเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ขณะที่ผลงานสำคัญของพรรคที่ผ่านมา คือนโยบายด้านการเกษตร ด้านการศึกษาและการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 เรายอมรับว่าพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องได้จำนวนส.ส.มากมาย เพราะเรารู้ศักยภาพของตัวเอง สิ่งสำคัญคือเราต้องการนำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนไปประยุกต์ใช้ร่วมกับรัฐบาล ดังนั้นถ้าการร่วมรัฐบาลกับพรรคใดแล้วชาติไทยพัฒนาไม่สามารถนำนโยบายของพรรคไปปฏิบัติได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองนั้น และเรายินดีเป็นฝ่ายค้าน