“โต้ง Twopee” จากเด็กใต้ขายเพลงในเทศกาลดนตรี สู่ “The Rapper” แถวหน้าของเมืองไทย

หลังได้รับบทบาทนั่งแท่นตำแหน่งโค้ชในรายการ “The Rapper Thailand” (รายการที่ค้นหาแร็พเปอร์หน้าใหม่มาประดับวงการเพลง)

ก็ทำเอาความฮ็อตของหนุ่ม “โต้ง-พิทวัส พฤกษกิจ” หรือ “Twopee Southside” นักร้องหนุ่มจากแดนใต้วัย 27 ปี สังกัดไทยเทเนียม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ พุ่งแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่

แต่กว่าชีวิตจะดังบวกปังอย่างทุกวันนี้

ใครจะรู้ว่า “โต้ง TWOPEE” เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง?

“ผมเริ่มทำเพลงเองครับ ตอนเด็กๆ ที่ขายในงานแฟต เฟสติวัล (งานเทศกาลดนตรีของคลื่น 104.5 แฟต เรดิโอ) แล้วก็เอาไปขายที่กรุงเทพฯ ตอนที่อยู่ภูเก็ตนะครับ แล้วก็เหมือนพอเริ่มทำมาสักพัก ตอนนั้นได้มีโอกาสที่วง “ไทยเทเนียม” มาเล่นที่ภูเก็ต เราก็ไปขอเล่น เปิดเพลงให้พี่เขาฟัง นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ขึ้นเวทีครั้งแรก แล้วก็ได้เจอกับพี่ๆ ไทยเทเนียมครับ”

หนุ่มชาวภูเก็ตย้อนเล่าเรื่องราวสมัยต้องเดินทางขึ้นไปขายแผ่นซิงเกิลในเทศกาลดนตรีของเด็กอินดี้ที่กรุงเทพฯ รวมถึงเหตุการณ์เมื่อคราวได้เจอกับศิลปินแร็พรุ่นพี่อย่าง “ไทยเทเนียม”

“พอหลังจากได้ไปเล่นเปิดให้พี่ๆ วงไทยเทฯ (ต่อจากนั้น) เหมือนได้เจอกันบ้างตามงานในกรุงเทพฯ นานๆ ที แล้วเราก็มีผลงานเรื่อยๆ ทุกปี เหมือนอยู่เป็นอันเดอร์กราวใต้ดิน

“จนมีวันหนึ่ง พี่เขาก็ทาบทามว่าอยากทำงานด้วย อยากให้มาเซ็นสัญญา ก็เหมือนกับว่าเห็นความตั้งใจ เห็นไฟ ตั้งแต่เป็นเด็กๆ ที่อยู่ภูเก็ต มากรุงเทพฯ เหมือนกับว่าทำงานไม่หยุด ก็ได้มีโอกาสตรงนั้นครับ”

โต้งย้อนเล่าถึงจังหวะที่ตนเองได้กลายเป็นศิลปินอาชีพ

ความหนักแน่นของการแร็พในสำเนียงใต้ เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ “โต้ง Twopee” มีความแตกต่างจากแร็พเปอร์คนอื่นๆ

“มีความแร็พเป็นใต้ครับ ฉะฉานแล้วก็มีสำเนียงที่หนักแน่น ดุดันหน่อย แล้วก็มีคำใต้บ้างผสม มีภาษาอังกฤษนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบดุๆ หนักแน่น ตรงไปตรงมา”

เมื่อถามว่าแร็พเปอร์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยเจ้าตัวเริ่มต้นเข้าวงการ กับยุคปัจจุบัน นั้นแตกต่างและมีพัฒนาการอย่างไร? โต้งตอบทันทีว่า

“เมื่อก่อนนี้ จะเป็นเหมือนบทกลอน เป็นเหมือนเป็นกวี สมัยนี้จะเป็นเหมือนอะไรที่มันเน้นสนุกมากกว่าครับ ไม่ได้มีสาระหรือว่าถ่ายทอดความรู้สึกอะไรที่มันลึกซึ้งมากเหมือนเมื่อก่อน”

สำหรับเรื่องการแต่งตัว ซึ่งมักเป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของบรรดาแร็พเปอร์นั้น หนุ่มหน้าตาดีจากภูเก็ตเล่าว่าสไตล์การแต่งกายในแบบเขา คือ “ไม่แพงก็เท่ได้”

“แต่งที่ชอบเลยครับ ก็คือจะไม่ชอบซื้อของแพง รู้สึกว่ายิ่งถูก แล้วก็ยิ่งเท่เท่าไหร่ อันนั้นยิ่งเท่ ไม่จำเป็นต้องแพงก็เท่ได้ ส่วนตัวผมชอบใส่ขาสั้น เพราะเมืองไทยมันร้อน”

ในเรื่องของมุมมองการใช้ชีวิต ผู้ชายคนนี้สรุปคอนเซ็ปต์ออกมาอย่างสั้นกระชับว่า “ทำมันให้สนุกก็พอแล้ว”

“ทำให้มันสนุกครับ พยายามไม่เอาเรื่องที่มันผ่านมาแล้วหรือเรื่องอะไรมาคิดทบทวนให้มันรู้สึกไม่ดี เขาบอกว่าเรื่องตลกฟัง 3 ครั้ง มันก็ไม่ตลกแล้ว แต่เรื่องแย่ๆ ทำไมต้องกลับมาคิดเรื่อยๆ เพราะมันไม่ตลกอยู่ดี พยายามทำอะไรที่มันรู้สึกว่า คิดในด้านที่มันทำให้เราแฮปปี้ แล้วคนรอบข้างแฮปปี้ น่าจะดีที่สุด”

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้หนุ่มคนนี้ประสบความสำเร็จในฐานะแร็พเปอร์แถวหน้าของเมืองไทย ก็เห็นจะได้แก่ความจริงใจ ไม่ยกตัวเองว่าเป็นคนดัง

“ผมไม่ได้ยกตัวเองว่าเป็น Somebody ผมคิดว่าผมเป็นคนคนหนึ่ง ผมคิดว่าทุกคนก็เป็นเหมือนคนคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น เวลาเราพูดจาอะไร ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นดารา หรือคุณต้องเป็นแฟนคลับ ก็พูดเหมือนเพื่อนกันครับ

“อาจจะเป็นเพราะผมจริงใจและตรงไปตรงมา ไม่ได้เรียบร้อย ไม่ได้หยาบจนขนาดนั้น เหมือนมีความเป็นธรรมชาติ ถ้าให้เดานะครับ น่าจะเป็นเรื่องนี้ (ที่ทำให้เจ้าตัวโด่งดัง)

“เพราะผมเป็นคนที่ไม่ได้มีแอ๊กหรือว่ามีมาดเท่าไหร่ ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเบอร์นั้น แต่ขอบคุณครับที่ชื่นชอบ จะเป็นสามีแห่งชาติไหม อันนี้ไม่มั่นใจนะครับ ต้องไปคิดกันเอาเอง

“ขอบคุณรายการ ทั้งแฟนเก่า แฟนใหม่ๆ ที่มาติดตาม เป็นโอกาสที่ดี ที่คนได้รู้จัก (ผม) หลังจากนี้ จะตั้งใจทำเพลง มีเพลงดีๆ มาฝากเรื่อยๆ ครับ”

นี่คำคือกล่าวทิ้งท้ายของ “โต้ง Twopee”