ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต/’มาสด้า ซีเอ็กซ์-3′ MY2018 เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี GLC 43

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

‘มาสด้า ซีเอ็กซ์-3’ MY2018

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี GLC 43

 

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต้องถือว่าเป็นปรากฏการณ์อีกครั้งของแวดวงยานยนต์ของเมืองไทย
เนื่องจากค่ายรถต่างๆ พร้อมใจกันปรับโฉมรุ่นยนต์ ออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน
ไม่นับรถจักรยานยนต์ไฮบริดอีก 2 ค่าย ที่นำเสนอไปเมื่อฉบับที่แล้ว
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉบับนี้ขอนำเสนอรถรุ่นไมเนอร์เชนจ์หลักๆ 2 รุ่น
คือ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี GLC 43 4MATIC Coupe
อะ…อะ ผมไม่ได้จะนำรถทั้ง 2 รุ่นมาประชันกันหรอกครับ เพราะเป็นคนละเซ็กเมนต์ชัดเจน
แต่ด้วยเกรงว่าข้อมูลจะล่าช้าเกินไปจึงนำมาลงพร้อมกัน 2 รุ่นเสียเลย

เริ่มจาก “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” 2018 คอลเล็กชั่นรถเอสยูวีขนาดเล็ก ที่ผมค่อนข้างคุ้นเคยและมีความประทับใจทั้งสมรรถนะ รูปโฉม และการทดสอบเมื่อครั้งได้รับเชิญไปขับรถรุ่นนี้ที่ประเทศออสเตรเลีย ก่อนเข้ามาเปิดตัวในไทยช่วงปี พ.ศ.2558
ความประทับใจส่วนหนึ่งคือการขับรถลัดเลาะชายทะเลบนถนน “เกรต โอเชี่ยน โรด” (Great Ocean Road) รัฐวิกตอเรีย ใกล้ๆ เมืองเมลเบิร์น เป็นถนนที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ด้านหนึ่งเป็นริมผา และอีกด้านเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก ที่มองได้กว้างและไกลสุดลูกหูลูกตา
แม้จะสวยมากๆ แต่การขับก็โหดเอาเรื่องเพราะโค้งพี่แกเยอะเหลือเกิน แถมมาติดๆ กันด้วย อีกทั้งเป็นถนนแบบ 2 เลนสวน
ความยากลำบากที่สุดคือการแซงรถคันหน้าที่ขับช้า หรือไม่เร็วมากเท่าที่เราต้องการ เพราะต้องกะระยะให้พอเหมาะก่อนถึงโค้งหน้า
แต่ถนนเส้นนี้ก็มีจุดเบี่ยงเป็นระยะๆ เพื่อให้รถคันที่ขับช้าหลบเข้าซ้ายเพื่อให้รถคันหลังที่เร็วกว่าแซงขึ้นหน้าไป
ตลอดระยะทางที่ค่อนข้างยาวผมเจอสิ่งที่ถ้าอยู่เมืองไทยคงพบได้น้อย คือมีรถหลายคันที่หลบเข้าทางเบี่ยงเพื่อให้ผมขับแซงอย่างปลอดภัย
“มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” เป็นรถเอสยูวีขนาดกำลังเหมาะ แม้ด้านหลังอาจจะกะทัดรัดสักหน่อย เมื่อเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน แต่ได้อารมณ์การขับไม่ต่างจากรถเก๋ง
หลังจากออกมาได้หลายปี ก็ถึงวาระการปรับโฉม โดยเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ และเทคโนโลยีปลอดภัยมากขึ้น

มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่ 2018 คอลเล็กชั่น กระจังหน้าเน้นถึงการออกแบบที่ดูมั่นคง แต่ยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดอันประกอบไปด้วยเส้นของลายกระจังสองเส้นที่มีความหนาที่ต่างกัน องค์ประกอบแบบนี้จะช่วยเพิ่มให้ไฟหน้าและซิกเนเจอร์วิง (Signature Wing) มีความโดดเด่นจากระยะไกล
เส้นโครเมียมที่ประดับอยู่บนกันชนหน้าให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับเส้นโครเมียมบริเวณด้านข้างตัวรถ กรอบไฟตัดหมอกและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกแบบสีดำเงา โคมไฟท้ายแบบ LED เปลี่ยนมาเป็นแบบวงแหวน
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดูมีขนาดใหญ่ขึ้น
ภายในมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ ภายในสีเทาพร้อมกับเบาะหนังสีดำ, ภายในสีเทาพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์สลับผ้าสีดำ และภายในสีดำพร้อมเบาะผ้าสีดำ
คอนโซลกลางพร้อมพนักวางแขน พร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง
เปลี่ยนจากระบบเบรกมือแบบธรรมดาเป็นระบบเบรกมือไฟฟ้า เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานเพียงแค่ดึงสวิตช์ และระบบเบรกมือไฟฟ้านี้สามารถยกเลิกการทำงานโดยการกดสวิตช์พร้อมเหยียบแป้นเบรก หรือยกเลิกการทำงานโดยง่ายด้วยการเหยียบคันเร่ง
ระบบ Auto Hold ช่วยให้รถหยุดอยู่กับที่หลังจากผู้ขับชะลอรถจนหยุดนิ่ง แม้ว่าผู้ขับจะถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ออกแบบเพื่อลดภาระของผู้ขับเมื่ออยู่ในการจราจรที่แล่นช้าๆ สลับหยุดนิ่ง แบบที่คนในเมืองใหญ่คุ้นชินกันนั่นเอง

ความปลอดภัยเต็มแม็ก ด้วย “i-ACTIVSENSE” อาทิ
ระบบ Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) & Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ระบบตรวจจับยานพาหนะจากด้านข้างและด้านหลังที่กำลังใกล้เข้ามาบริเวณจุดบอด พร้อมทั้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่จะทำการเปลี่ยนเลน RCTA จะช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
ระบบ Lane Departure Warning System (LDWS) ระบบคาดการณ์การเบี่ยงออกนอกเลน และเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายผ่านทางเสียง
ระบบ Adaptive LED Headlamps (ALH) ระบบปรับการทำงานของไฟหน้าสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวาอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพถนน ตำแหน่งรถคันหน้า รวมถึงรถที่วิ่งสวนมา เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่
ระบบ Driver Attention Alert (DAA) ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากความเมื่อยล้า โดยส่งเสียงและสัญญาณไฟเตือนให้หยุดพัก เมื่อตรวจพบพฤติกรรมเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ระบบ Mazda Radar Cruise Control (MRCC) ช่วยควบคุมความเร็ว และรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าอัตโนมัติ
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง หรือ 360 องศา View Monitor พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View ช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบ Smart City Brake Support (SCBS) และระบบ Smart City Brake Support-Reverse (SCBS-R) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะเดินหน้าและถอยหลัง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการชน
ระบบ Smart Brake Support (SBS) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ เมื่อพบความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อลดโอกาสในการชนรถคันหน้า
มีเครื่องยนต์ 2 บล็อกให้เลือกคือ เบนซิน สกายแอคทีฟ-จี 2.0 ลิตร มี 4 รุ่นย่อย ราคา 879,000-1,083,000 บาท
และเครื่องยนต์คลีนดีเซลสกายแอคทีฟ-ดี 1.5 ลิตร ราคา 1,189,000 บาท

ส่วนเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี GLC 43 4MATIC Coupe รถยนต์เอสยูวีคูเป้ รุ่นประกอบในประเทศลำดับที่ 2 ของตระกูลเอเอ็มจี ต่อจากเอเอ็มจี C 43 4MATIC Coupe
รหัส “43” หมายถึงตัวแรงสุดของรุ่นนั่นเอง


ดีไซน์ภายนอกหล่อครบเครื่องด้วยชุดตกแต่ง AMG bodystyling รอบคัน ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ตกแต่งด้านท้ายด้วย AMG Spoiler-lip, ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ แบบ 4-pipe look, ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system
ล้ออัลลอย ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 21 นิ้ว
ระบบกันสะเทือนแบบ AMG Sports Suspension Based on AIR BODY CONTROL พร้อมการปรับแต่งแบบ AMG sports
ภายในเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ AMG Sport seat ตัดสลับ DINAMICA microfibre ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ
ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง nappa
พวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ กาบบันได สเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO รวมถึงไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 3 สี
หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหน้า คำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น และลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติรวมทั้งช่วยเบรก
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 2,996 ซีซี พร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC กำลังสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ราคา 4,690,000 บาท