วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์/สู่ร่มกาสาวพัสตร์ ครบกำหนดยังไม่สึก

วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

 

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

ครบกำหนดยังไม่สึก

 

วันเวลาผ่านไปจากเดือนแรกเป็นภิกษุ เข้าสู่เดือนที่สาม เลยกำหนดจากที่พระปานตั้งใจว่า จะบวชเพียง 2 เดือน เมื่อได้แจ้งกับพระครูพรหมซึ่งเป็นผู้ที่พระปานขอเรื่องการบวชที่วัดนี้ว่าที่เคยกราบเรียนจะบวช 2 เดือน ขออยู่ต่อไปก่อน ส่วนจะสึกเมื่อไหร่จะกราบเรียนอีกครั้ง
ท่านพระครูพรหมแนะนำว่า ให้ไปกราบเรียนกับเจ้าคุณใหญ่ ด้วยท่านเป็นพระอุปัชฌาย์และเจ้าอาวาสวัดนี้
ค่ำวันนั้น พระปานจึงนำดอกไม้ธูปเทียนแพไปขอพบท่านเจ้าคุณใหญ่ที่กุฏิ หลังจากกราบเรียบร้อยแล้วจึงพนมมือกราบเรียนกับท่านเจ้าอาวาสถึงวัตถุประสงค์การมาขอพบ พร้อมกราบเรียนท่านว่า ที่เคยกราบเรียนไว้ว่าจะขอบวชชั่วเวลา 2 เดือน ขณะนี้เกินเวลาที่กราบเรียนไว้ จะขออยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง จะเป็นเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ ท่านเจ้าคุณใหญ่นั่งพิงหมอนอิงเอนกายสบายๆ รับฟังด้วยอาการเรียบเฉย พยักหน้ารับทราบ
“แจ้งพระครูท่านให้ทราบแล้วหรือ” เจ้าคุณใหญ่ถามด้วยเหตุที่พระปานต้องอยู่ในความดูแลของพระครูพรหม เมื่อพระปานกราบเรียนแจ้งว่า เรียนให้ทราบแล้ว ท่านเจ้าคุณใหญ่มิได้ว่ากล่าวอะไร เพียงแต่พยักหน้ารับทราบ
ครู่เดียวนั้น ท่านคล้ายปรารภคล้ายบอกสั่งว่า ยังเป็นพระอยู่ให้ปฏิบัติธรรม เรียนรู้เรื่องของพระพุทธศาสนา “นี่ยังไม่เข้าพรรษาไม่มีการเรียนวิชาพุทธศาสนา เรียนนักธรรม ต้องหมั่นอ่านหนังสือศึกษาด้วยตัวเอง ติดขัดอะไรถามท่านพระครูพรหมได้”
แล้วท่านเจ้าคุณใหญ่พยักหน้าอีกครั้ง คล้ายกับจะบอกว่าทราบแล้ว อนุญาตให้กลับไปได้
พระปานกระหย่งตัวขึ้นกราบ 3 ครั้ง แล้วกระถดออกมาก่อนคุกเข่าค่อยๆ ยืนขึ้น ก้มตัวเดินกลับมาลงบันไดกลับกุฏิ

ขณะเดินกลับมารูปเดียว ทางเดินจะไม่ได้มืดนัก ทั้งจากแสงไฟบนเสาและแสงจันทร์คืนแรมอ่อนๆ ส่องลงมาบนพื้นทางเดิน ผ่านหน้าอุโบสถ พระปานหยุดยืนยกมือทั้งสองขึ้นไหว้ ตั้งใจอธิษฐานขอได้บวชเรียนในพระพุทธศาสนาไปอีกสักชั่วเวลาหนึ่ง ทั้งยังต้องการเรียนรู้เรื่องของการทำสมาธิ เพื่อทำจิตใจให้สงบ อย่างน้อยให้หลุดจากการหมกมุ่นทั้งปวงระหว่างอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ ส่วนจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร ขณะนี้ยังระบุไม่ได้
แล้วพระปานยืนนิ่งสักพักหนึ่งจึงหันเดินกลับกุฏิ
กิจวัตรประจำวันของภิกษุ เช่นของพระปาน คือพยายามตื่นให้ได้ไม่เกินกว่าตีสี่ครึ่ง เพื่อสวดมนต์ แล้วนั่งทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าหายใจออกให้จิตสงบ ทั้งฝึกกำกับจิตด้วยสติตลอดเวลานั้น จิตสงบบ้าง วอกแวกไปทางโน้นทีทางนี้ทีบ้าง ก่อนออกไปบิณฑบาต
พระปานย้อนรำลึกถึงเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยรุ่น ชอบอ่านหนังสือและศึกษาธรรมะไปตามเรื่อง ขณะที่เล่นซนและเที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่น วันหนึ่งได้หนังสือเรื่องสมาธิของพุทธทาสภิกขุจากน้าเมือง จึงอ่านอย่างจะศึกษาวิธีการทำสมาธิในรูปแบบของพุทธทาสภิกขุ ที่รู้จักมานานพอสมควร
ท่านพุทธทาสสอนวิธีทำสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก แล้วอธิบายถึงสภาพของจิตว่า เหมือนการฝึกลิง แม้จับล่ามโซ่ไว้ ลิงจะไม่อยู่กับที่ กระโดดไปกระโดดมา บังคับไม่ได้ เหมือนจิต เดี๋ยวคิดไปทางโน้น เดี๋ยวคิดไปทางนี้ ไม่หยุดนิ่งอยู่ได้
แต่เมื่อลิงได้รับการฝึกเป็นประจำ ในที่สุดสามารถฝึกให้ทำตามคำสั่งได้ เช่น พวกที่ฝึกลิงเล่นละครที่เรียกว่า “ละครลิง” ซึ่งพระปานเคยดูตามงานวัดบ้าง
ท่านพุทธทาสบรรยายไว้ว่า จิตเหมือนลิง เมื่อได้รับการฝึกคือใช้ลมหายใจเข้า-ออกกำหนด ใช้สติกำกับให้จิตไม่แส่ส่ายออกไปโน่นมานี่ ในที่สุดจิตจะเริ่มสงบ และลมหายใจเข้า-ออกเริ่มแผ่วเบาลง เมื่อจิตได้รับการควบคุมจากสติจนเริ่มสงบลง ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลง กระทั่งเหมือนไม่ได้หายใจ
ภาวะนั้นอาจเรียกว่าจิตว่าง
พระปานชอบใช้วิธีการทำสมาธิที่อ่านจากท่านพุทธทาส แม้ต่อมาจะได้เรียนรู้เรื่องสมาธิและวิปัสสนากรรมฐานเพิ่มขึ้น แต่ทุกครั้งที่ต้องทำสมาธิจะใช้วิธีหายใจเข้า หายใจออก เป็นประจำ บางครั้งจิตดิ่งลงลึก บางครั้งจิตสงบไม่ลงต้องถอนออกจากสมาธิ ซึ่งพระปานมิได้กังวลแต่อย่างใด คิดเพียงว่า การมีโอกาสเรียนรู้เรื่องสมาธิและได้ปฏิบัติบ้าง ยังดีกว่าปล่อยให้จิตล่องลอยไปตามยถากรรม

เย็นนั้น ขณะรอเวลาทำวัตร นั่งพูดคุยกับท่านพระครูพรหมบนกุฏิ พระครูสมุห์เดินผ่านมาถึงหน้ากุฏิแจ้งว่า ท่านพระครูศาลา 6 แล้วเดินเลยไปแจ้งพระรูปอื่น
พระครูพรหมจึงบอกกับพระปานว่า ทำวัตรเย็นแล้ว เตรียมตัวไปสวดพระอภิธรรมด้วยกัน เพราะพระในชุดขาดไปรูปหนึ่ง
เอาละสิ พระปานคิดค่อนไปทางวิตก ด้วยเหตุที่ยังไม่เคยฝึกท่องบทสวดพระอภิธรรมมาก่อน เคยแต่ฟังสวดพระอภิธรรมทั้งของวัดนี้และวัดอื่นมาขณะเป็นฆราวาส
“เวลาสวดพระอภิธรรม ตรงไหนสวดได้ก็สวดตามไป ตรงไหนสวดไม่ได้ก็ไม่ต้องสวด” พระครูพรหมบอกให้รู้ไว้ก่อนเป็นนัยๆ
ด้วยรู้ว่าพระปานไม่ค่อยฝึกฝนท่องบทสวดมนต์ หรือสวดพระอภิธรรมนัก

เมื่อถึงเวลา พระปานเตรียมตัวห่มจีวรเฉียง พาดสังฆาฏิไว้บนบ่าข้างซ้าย เปลือยไหล่ข้างขวา การห่มจีวรไม่แต่เพียงคล่องแคล่วขึ้นเท่านั้น ยังห่มกระชับไม่มีหลุด ไม่มีย้วยเหมือนมื่อแรกบวช
บทสวดมนต์ของพระธรรมยุตออกเสียงอักษรบางตัวไม่เหมือนกับพระมหานิกาย คืออักษร พ ออกเสียงเป็นอักษร บ อักษร ท และ ธ ออกเสียงเป็นอักษร ด และสวดด้วยเสียงห้วนๆ สั้นๆ ไม่เอื้อนเสียง
พระปานเดินล่วงหน้ามารอใกล้กับศาลา 6 สักครู่หนึ่งพระชุดเดียวกันอีก 2 รูป มาพร้อมกับพระครูพรหม รูปหนึ่งในจำนวนนั้นทักพระปาน “วันนี้มาสวดหรือ” เมื่อพระปานรับปาก พระรูปนั้นไม่ได้ถามอะไรอีก
กระทั่งได้เวลา พระครูพรหมเดินนำหน้า ถอดรองเท้าไว้หน้าศาลา เช่นเดียวกับพระอีกสองรูป พระปานเดินรั้งท้าย ปฏิบัติเช่นเดียวกัน เมื่อเดินเข้าไปตรงยกพื้นตามลำดับ ทั้งสี่รูปจึงยกเข่าขึ้นบนยกพื้นเขยิบเข้าไปนั่งบนอาสนะพรมซึ่งเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ 4 ที่ พร้อมที่อิงหลังและตาลปัตร นำน้ำปานะมาประเคน
สักครู่ เจ้าหน้าที่เรียกเจ้าภาพออกมาจุดเทียน-ธูปหน้าพระพุทธรูป กราบ 3 ครั้ง แล้วให้เดินมาหน้าตู้พระธรรมที่วางหน้าพระสงฆ์ นั่งคุกเข่าลงแล้วจุดเทียน-ธูป กราบพระสงฆ์ตรงโต๊ะเตี้ยวางเตรียมไว้ ลุกขึ้นไปจุดเทียน-ธูปหน้าที่ตั้งโลงศพ คุกเข้าลงกราบศพไม่แบมือ 1 ครั้ง
แล้วกลับมานั่งที่ประธาน