ถึงเวลาของคนรักเครื่องเสียงระดับ Hi-End

เป็นช่วงที่จะมีงานโชว์ผลิตภัณฑ์ระบบภาพ ระบบเสียง ระดับ Hi-End กันอีกแล้วซี เพราะน้องนุ่งที่เป็นโต้โผจัดงานมักจะใช้ห้วงเวลานี้แหละครับ คือปลายๆ กรกฎาคมต่อต้นสิงหาคมเป็นฤกษ์จัดงาน

ซึ่งกับปีนี้ดูประดิทินที่ผมกาเอาไว้ตอนที่น้องนุ่งแจ้งข่าวยืนยันมาแต่ช่วงต้นๆ ปี ก็ตกระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคม ก็ปลายสัปดาห์หน้านี่แล้ว

ส่วนสถานที่ก็ยังคงใช้ที่เดิม คือ BI-TEC บางนา เพราะไปมาสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ลงสถานีบางนา เดินอีกหน่อย ก็เข้าบริเวณงานที่ชั้น 2 ของอาคารได้เลย

ที่น่าสนใจคือ ห้องโชว์สินค้าแต่ละห้องในอาคาร มีขนาดที่เหมาะสมกว่าห้องพักในโรงแรมที่มักจะใช้จัดๆ กันมา โอ่โถง และกว้างขวางพอรองรับทั้งซิสเต็มและคนฟัง เพราะฉะนั้นบางซิสเต็มที่มีราคาสิบล้านขึ้น ยี่สิบล้านขึ้น จึงสามารถเปล่งประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

เหมือนกับปีก่อนที่มีหลายๆ ซิสเต็มมาโชว์ ซึ่งมีทั้ง Hi-End ไปยัน Super Hi-End ที่ว่ากันตั้งแต่สองสามล้านไปยันกว่ายี่สิบล้าน หัวเรือใหญ่แต่ละค่ายของแต่ละซิสเต็มจึงออกปาก Happy กันถ้วนหน้า

กับปีนี้เท่าที่ได้ข่าวมา ดูเหมือนค่ายยักษ์ที่นำเข้าเครื่องและลำโพงที่เป็นรายหลักๆ ของแวดวงเครื่อง Hi-End ในบ้านเรา ทั้งระบบบภาพและระบบเสียงมาร่วมงานเกือบจะหมดทั้งบางก็ว่าได้ นับนิ้วมือชื่อป้อมค่ายต่างๆ แล้ว อาจจะฟังดูว่าไม่เท่าไร แต่หากนับแบรนด์ที่แต่ละค่ายถือเอาไว้ในมือนี่ ว่ากันว่าน่าจะมีร่วมร้อยยี่ห้อ – ชนิดที่ถึงไม่ใช่, ก็ใกล้เคียงละน่า เพราะฉะนั้น ไปงานนี้งานเดียวรับรองได้ว่าคุณๆ จะได้พบกับชุดเครื่องเสียงและระบบภาพระดับ Hi-End เกือบจะหมดที่มีในวงการบ้านเราก็ว่าได้ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่หนึ่งปีมีหนเดียวเท่านั้นเอง

นอกจากบรรดาสารพัดเครื่องและลำโพงจะพาเหรดมาโชว์ตัวในงานกันอย่างคึกคักแล้ว ยังได้ยินมาว่าตัวจริง เสียงจริง จากบริษัทแม่จะเดินทางมาทำ Demo” รวมทั้งพูดคุยกับคอเครื่องเสียงบ้านเราแบบตัวเป็นๆ อีกหลายรายด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นมี Mr.Perter Lyngdorf รวมอยู่ด้วย

คุณปีเตอร์กับผมนั้นมักคุ้นกันในวงการมาร่วม 30 ปี ซึ่งช่วงที่ผมยังเดินทางอยู่นั้นมักจะเจอกันปีละหนสองหน ทั้งแถบยุโรปและที่อเมริกา หากปีไหนคุณเขามาบ้านเราก็จะได้เจอกันมากหนกว่านั้น จึงมีความคุ้นเคยกันระดับพอจะเอาการเอางานได้ งานหนนี้ได้ข่าวว่าคุณปีเตอร์จะมาสาธิตซิสเต็มที่เป็นพัฒนาการอันสุดยอดของเขาให้นักเล่นบ้านเราได้ฟังกันด้วย

เป็นซิสเต็มที่คุณเขาทำงานร่วมกับบริษัทผลิตเปียโนอันดับหนึ่งของโลก คือ Steinway & Sons ครับ ซึ่งมีผลลัพธ์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ระบบเสียงภายใต้ชื่อแบรนด์ Steinway Lyngdorf

ในวงการดนตรีและเครื่องเสียง เป็นที่รับรู้กันอยู่ในทีว่าไม่มีใครรู้จัก Good Music ดีเท่ากับ Steinway & Sons และว่ากันว่าไม่มีใครรู้จัก Good Sound ดีเท่ากับปีเตอร์ ลีนจ์ดอร์ฟอีกแล้ว และเป็นคุณปีเตอร์คนนี้แหละครับ ที่ได้ทำ Pure Digital Ampliflier ที่เป็นดิจิตอลแท้ๆ ออกมาเป็นคนแรกเมื่อก่อนปี ค.ศ.2000 ไม่กี่มากน้อย เขาจึงให้ชื่อแอมป์เครื่องนั้นว่า The Millennium

ซึ่งหลังจากเปิดตัวที่เมืองนอกเรียบร้อยแล้ว เขายังหิ้วมาโชว์ในบ้านเราด้วย และผมก็มีโอกาสได้เอามาลองเล่นอยู่ที่ห้องตัวเองพักใหญ่ๆ ก่อนส่งคืน

สำหรับระบบเสียงชุดสุดยอดที่ว่าจะนำมาโชว์ คือ Model D (ในรูป) ซึ่งเป็นเรือธงของ Steinway Lyngdorf ที่เมื่อสองสามปีก่อนผมเคยนำมาเล่าสู่กันฟังไปบ้างแล้ว, ไม่ทราบว่าพอจะจำกันได้ไหมครับ

หากเลือนๆ กันไป ก็ขอทบทวนอีกนิดนะครับ และใคร่ขอให้คุณๆ ได้ลองไปฟังซิสเต็มนี้กันในงานด้วย เพราะเชื่อว่าหากได้ฟัง มันจะเป็นประสบการณ์ใหม่อันน่าทึ่งที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน

ซิสเต็มนี้ประกอบด้วยอิเล็กทรอนิกส์หนึ่งชิ้นกับลำโพงหนึ่งคู่ ที่ให้การทำงานร่วมกันแบบ Fully Digital ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยอิเล็กทรอนิกส์นั้นเรียกว่า Head Unit ส่วนชุดลำโพง ซ้าย/ขวา เป็นแบบ Active Speaker ด้วยผนวกแอมป์ที่ใช้ขับในตัว และเป็นแบบ Dipole Loudspeaker Design ที่ให้การกระจายเสียงออกมาทั้งทางด้านหน้า และยิงเสียงออกมาจากแผงหลัง โดยเสียงที่ออกจากชุดไดรเวอร์ด้านหลังนั้นจะไปตกกระทบกับผนังห้องทั้งที่ด้านหลังลำโพง และผนังห้องด้านข้าง แล้วสะท้อนกลับเข้ามาเสริมการทำงานกับเสียงที่ออกมาจากชุดไดรเวอร์ด้านหน้า เพื่อหลอมรวมเป็นคลื่นเสียงที่มีความสมบูรณ์ตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำสุด ไปจนถึงย่านความถี่สูงสุด แบบ Full-Range อย่างสมบูรณ์

โดยลักษณะของตัวลำโพงนั้นเป็นแบบแผงหรือแผ่นบาง ไม่มีความเป็นตู้แต่อย่างใด ติดตั้งชุดตัวขับเสียงไว้ที่ด้านหน้าและด้านหลังแบบ Open-Baffle ที่เปิดเปลือยให้เห็นโครงสร้างและวัสดุอุปกรณ์ทุกชิ้นอย่างไม่มีใดปิดบัง ซึ่งการที่ชุดตัวขับเสียงไม่ได้ถูกติดตั้งลงบนตู้ (ที่มีลักษณะเป็นกล่อง) เหมือนลำโพงทั่วๆ ไป ทำให้ปลอดจากทุกปัญหาอันเนื่องมาจาก “ตู้” ของลำโพงได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Resonance เรื่องของมวลอากาศภายในตู้ที่มีผลกระทบต่อการกระจายเสียง ตลอดจนปัญหาอันเนื่องมาจากการสั่นของตัวตู้เองด้วย

ส่วนไดรเวอร์แต่ละตัวนั้น ผ่านการรังสรรค์ด้วยเครื่องมือทางด้านแม็กคานิกที่มีความเที่ยงตรง ถูกต้อง และแม่นยำ ที่คิดคำนวณและควบคุมการทำงานถึงกว่า 170 ชั่วโมง และใช้เวลาอีกกว่าแปดสัปดาห์ในการประกอบกันขึ้นมาแบบ Hand Made ในทุกขั้นตอน จนแล้วเสร็จด้วยความสูงกว่าสองเมตร กับน้ำหนักเกือบสองร้อยกิโลกรัม เป็นน้ำหนักที่รวมภาคขยายเสียงซึ่งติดตั้งเอาไว้ที่ตอนล่างของฐานลำโพงทางด้านหลัง

ภาคขยายเสียงเป็นแบบ Digital Amplifier ที่ได้ผนวกภาค Digital-to-Analogue Converter หรือ DAC ในตัว ซึ่งจะรับข้อมูลดิจิตอลมาจาก Head Unit โดยตรง ผ่านทางขั้วต่อที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเรียกว่า Steinway Lyngdorf Digital Link จากนั้นก็จะแปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นอะนาล็อก เพื่อส่งสัญญาณทางไฟฟ้าไปยังไดรเวอร์แต่ละตัวให้ทำหน้าที่เปลี่ยนออกมาเป็นคลื่นเสียงในที่สุด

ครับ, ก็ขอบอกกล่าวเกี่ยวกับระบบเสียงชุดนี้พอเป็นสังเขปดังว่า แล้วอย่าลืมไปดูตัวจริง ฟังเสียงจริง กันนะครับ

นอกจากซิสเต็มนี้แล้ว ได้ข่าวว่ามีเครื่องใหม่ๆ บางรุ่น จากบางค่าย จะถูกนำมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียด้วย รวมทั้งยังมีเครื่องเสียงและลำโพงระดับหัวแถวของหลายๆ ค่ายมาโชว์ประสิทธิภาพกันอย่างเต็มที่

ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือ น้องนุ่งบอกว่าจัดงานทั้งที ย่อมต้องมีสินค้าราคาพิเศษมากำนัลแฟนๆ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์กันต็มพิกัดอย่างแน่นอน