แมลงวันในไร่ส้ม / ข่าวทัวร์จีนเดือด เปิดฉากบู๊ ‘บิ๊ก’ ไทย แห่ยกเลิก ‘โรงแรม’

แมลงวันในไร่ส้ม

 

ข่าวทัวร์จีนเดือด

เปิดฉากบู๊ ‘บิ๊ก’ ไทย

แห่ยกเลิก ‘โรงแรม’

 

นอกเหนือจากข่าวการช่วยเหลือ 13 หมูป่าพ้นถ้ำหลวง จ.เชียงราย
อีกเหตุการณ์ที่เกิดในเวลาใกล้เคียงกันคือ เหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ ไดฟ์วิ่ง บรรทุกผู้โดยสารชาวจีน ล่มบริเวณเกาะเฮ ม.3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม
มีผู้เสียชีวิต 47 ราย ศพสุดท้ายเพิ่งนำขึ้นจากทะเลได้เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมนี้เอง
การช่วยเหลือค้นหาศพ เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะทะเลมีคลื่นแรง
ปัญหาการช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและสูญหายก็เป็นเรื่องใหญ่ เมื่อนายสี จิ้น ผิง ผู้นำจีน เร่งรัดผ่านทูตจีนประจำประเทศไทย นายหลู เจี้ยน ให้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าด้วยตนเอง
รวมถึงส่งนักดำน้ำชาวจีนมาร่วมค้นหา
ก่อนจะเกิดประเด็นจากทางตำรวจระบุว่า กรณีเรือฟีนิกซ์ล่ม โยงถึงการทำธุรกิจของชาวจีนที่ภูเก็ต โดยเรือดังกล่าวเป็นของนอมินีข้ามชาติจากจีน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. โพสต์ผ่านเพจ สุรเชษฐ์ หักพาล มีข้อความว่า พอกันทีสำหรับนอมินีข้ามชาติ สร้างความเสียหายให้ “เมืองภูเก็ต” ต่อเนื่องยาวนาน
ได้เวลาขุดรากถอนโคน “คนภูเก็ต” จะได้มีที่ทำกินโดยไม่ต้องมีต่างชาติมาเบียดเบียนคนภูเก็ต หรือใครก็ตามที่มีเบาะแสพวกนอมินีข้ามชาติ ร้องเรียนเข้ามาเลย 24 ช.ม. ในเพจ “สุรเชษฐ์ หักพาล”
ต่อมาวันที่ 9 กรกฎาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุเรือล่มบริเวณเกาะเฮ จ.ภูเก็ต ระบุว่า เรือเป็นของชาวจีนที่เข้ามาทำธุรกิจโดยใช้นอมินีไทย เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินคดีอยู่


บิ๊กป้อมระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นเพราะไม่เชื่อประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาจึงได้ออกเรือไปอย่างนั้น เรื่องนี้จะดำเนินการแก้ไข และไทยก็มีกฎหมายอยู่ ยืนยันว่าเป็นการออกเรือโดยฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเรา เขาทำตัวของเขาเอง
ผลจากคำให้สัมภาษณ์จุดความไม่พอใจจากชาวจีนทันที ไทยโพสต์รายงานว่า เพจอ้ายจง ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กที่เล่าเรื่องเมืองจีน มีผู้ติดตามถึง 161,326 คน ได้ระบุว่า โซเชียลจีนแห่แชร์คลิปสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร โดยจำนวนมาก “ไม่พอใจ”
ในกรณีตอบคำถามว่า “เรือล่มภูเก็ต จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวจีนอย่างไร?” ที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนจีนทำนักท่องเที่ยวจีนเอง ไม่ทำตามกฎของเรา แล้วจะให้เราเรียกอะไร ก็มันเป็นเรื่องของเขา”
เพจอ้ายจงระบุว่า คนจีนจำนวนมากไม่พอใจต่อการให้สัมภาษณ์แบบนี้ มีหลายคอมเมนต์ค่อนข้างรุนแรง
คลื่นแห่งความไม่พอใจไปถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บินด่วนลงพื้นที่ไปเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในวันที่ 9 กรกฎาคม
และต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. ว่า เราแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ และได้สั่งการกองทัพเรือ ตำรวจน้ำ ช่วยเหลือชาวจีนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งรัฐบาลต้องช่วยเหลือเต็มที่ และแสดงความเสียใจกับจีนอย่างจริงใจ ส่วนการดำเนินความผิดเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องตั้งกรรมการสอบในการนำเรือออกจากฝั่ง
เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีจะสร้างความเชื่อมั่นและความอุ่นใจให้ชาวจีนอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็อุ่นใจอยู่แล้ว เพราะเราดูแล ต่อข้อถามว่าท่าทีของรัฐบาลจีนต่อเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไรบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า เขาก็คงไม่พอใจ แต่ไม่เป็นไร เพราะเป็นคนละประเด็น ซึ่งเราทำเต็มที่แล้ว
เมื่อถามกรณีที่โซเชียลของจีนไม่พอใจคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตรที่ระบุเหตุที่เกิดขึ้น เพราะคนจีนทำกันเอง จะกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอกเป็นคนละเรื่องกัน การทำผิดเรื่องหนึ่ง การช่วยเหลือเรื่องหนึ่ง ถ้าผมพูดอะไรไม่พอใจก็ขอโทษ ซึ่งผมได้รับรายงานมาอย่างนั้นจริงๆ ขออย่านำมาปนกัน”
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ตำหนิเรื่องหนึ่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใช่ มีแต่โซเชียลที่ว่าตน ตนพูดเรื่องกระทำความผิด ไม่ใช่เรื่องช่วยเหลือ

เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เว็บไซต์ไทยพีบีเอส รายงานวันที่ 13 กรกฎาคม ว่า นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต แม้รัฐบาลไทยออกมาตรการเยียวยาแล้ว แต่นักท่องเที่ยวจีนทยอยยกเลิกการจองห้องพักใน จ.ภูเก็ต ไปแล้วกว่าร้อยละ 10-15 จากปกติจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาภูเก็ตไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน จากยอดนักท่องเที่ยวจีนในไทยทั้งปี 10 ล้านคน
ส่วนนายไชยา ระพือพล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอันดามัน กล่าวว่า ยอดการจองห้องพักใน จ.ภูเก็ต ในช่วง 2 เดือนข้างหน้า หายไปแล้วกว่าร้อยละ 70 กระทบรายได้ไม่น้อยกว่า 42,000 ล้านบาท จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้ได้ภายในระยะ 3 เดือน เพื่อไม่ให้กระทบรายได้ท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ที่เติบโตกว่าปีละ 350,000 ล้านบาท


เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานต่อมาว่า วันที่ 14 กรกฎาคม 2561 นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางสมาคมได้มีการตรวจสอบไปยังโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่เป็นสมาชิกของสมาคมกว่า 180 โรงแรม ถึงผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยล่าสุดมี 19 โรงแรมที่แจ้งกลับมาแล้วพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ได้จองห้องพักไว้ล่วงหน้าในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
ขณะนี้พบว่ามีการแจ้งยกเลิกไปแล้วกว่า 7,300 ห้อง ซึ่งยังเหลือโรงแรมอีกจำนวนมากที่ไม่แจ้งกลับมา ถือว่าผลกระทบในครั้งนี้เป็นวงกว้างกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยส่วนใหญ่ที่ยกเลิกห้องพักเป็นนักท่องเที่ยวจีน ในจำนวนนี้มีชาติอื่นๆ บ้าง แต่น้อยมาก
เบื้องต้นตนคาดการณ์ว่าผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นราว 3 เดือน หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจีนอาจกลับเข้ามาท่องเที่ยวปกติ
นอกจากนี้ยังพบว่านักท่องเที่ยวจีนที่ยังอยู่ใน จ.ภูเก็ต ขณะนี้ได้ยกเลิกการท่องเที่ยวทางทะเลไปจำนวนมาก โดยเปลี่ยนมาท่องเที่ยวทางบกแทน

กรณีที่เกิดขึ้น นับเป็นเรื่องกระทบกระทั่งระหว่างไทย-จีนอีกครั้ง แตกต่างจากที่ผ่านๆ มา ตรงที่มีต้นเรื่องมาจากบุคคลสำคัญในรัฐบาล
จนต้องออกมากล่าวคำขอโทษ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเรื่องราวจะยุติลงหรือไม่
การยกเลิกโรงแรมที่ภูเก็ตเป็นสัญญาณเตือนว่าจะปล่อยให้เวลาแก้ไขเยียวยาปัญหาคงไม่ได้