วงค์ ตาวัน : แม้ว-ปู-ขุนทหาร ปัญหาที่ไม่จบ

วงค์ ตาวัน

การเมืองเรื่องทักษิณกับขั้วอำนาจทหารเดือดระอุขึ้นมาอีกครั้ง แถมเกิดในช่วงระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางไปเยือนอังกฤษ แล้วต่อด้วยฝรั่งเศส อันเป็นการไปเยือนครั้งแรกนับจากเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วยการรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา

ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายต่อรัฐบาล คสช. มากขึ้นของอียู เนื่องจากวันเลือกตั้งในไทยชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับมีรายการผลประโยชน์ซื้อสินค้าด้วย

“จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้โชว์สถานะของรัฐบาล คสช. ว่าเริ่มเข้าสู่เวทีระดับโลกได้มากขึ้น”

แต่จังหวะเดียวกันนั้นเอง เป็นช่วงวันเกิดของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ที่เพิ่งได้รับวีซ่ายาว 10 ปีจากอังกฤษ

ทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์จึงปรากฏตัวพร้อมกันในลอนดอน เพื่อจัดงานฉลอง

แล้วคลิปงานเลี้ยงที่ร้านอีสานเขียวทางตะวันตกของกรุงลอนดอนก็แพร่ว่อนไปทั่ว เป็นคลิปนาทีที่ทักษิณซึ่งมียิ่งลักษณ์ยืนเคียงข้างกำลังวิดีโอคอลกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยในเมืองไทย จึงกลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่ เนื่องจากเป็นการแสดงท่าทีของทักษิณต่ออดีต ส.ส.ที่ถูกดูด ด้วยการเย้ยหยันอย่างสนุกสนาน

“เป็นข่าวที่เบียดแทรกข่าวการไปเยือนสหราชอาณาจักรของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างพอดิบพอดี แถมวันเดียวกันทักษิณยังให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่ของอังกฤษถึงเรื่องราวการเมืองไทยอีกด้วย”

การเดินทางไปเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสของนายกฯ หัวหน้า คสช. กับการปรากฏตัวของ 2 อดีตนายกฯ ที่หนีคดีออกมาจากเมืองไทย

จึงเป็นกระแสข่าวที่เหมือนเป็นการปะทะกันทางการเมือง โดยทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ในผืนดินอังกฤษที่เดียวกันด้วย

ทั้งไม่น่าแปลกใจที่หลังจากนั้น กกต. ออกโรงสั่งสอบสวนคลิปนี้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ ถ้าผิดก็อาจถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทยเลยทีเดียว

โดยมีบรรดาฝ่ายตรงข้ามทักษิณออกมาขานรับให้เอาผิดคลิปนี้กันยกใหญ่

“จะยุบหรือไม่ยุบ ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่นำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง”

บ้างก็มองว่า ถ้ายุบพรรคเพื่อไทยด้วยคลิปทักษิณนี้จริงๆ รับรองได้ปลุกมวลชนฝ่ายเพื่อไทยให้ลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมเต็มที่ เพื่อไปกาบัตรแสดงพลังอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงแน่นอน

ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า ทักษิณและยิ่งลักษณ์คงจะเริ่มแสดงบทบาทในการต่อต้านขั้วอำนาจทหารอย่างร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ยิ่งกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนเมื่อไร ก็จะได้เห็น 2 อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีจากเมืองไทย อาศัยโลกออนไลน์ปราศรัยมาถึงมวลชนอย่างเข้มข้นมากกว่านี้

เป็นแนวรบที่พรรคการเมืองของ คสช.จะต้องตั้งรับให้ดี

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ย่อมมีผลงานอยู่พอสมควร อันจะเป็นจุดที่จะต้องนำมาขยายเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน เรียกคะแนนเสียงเพื่อให้หันมาเลือกพรรคในเครือข่าย เช่น พรรคพลังประชารัฐ และพรรคทหารอื่นๆ

แต่สิ่งที่รัฐบาล คสช. ไม่ประสบความสำเร็จ ย่อมจะต้องถูกพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามนำมาขยายให้ประชาชนเห็นเช่นกัน

เรื่องสำคัญประการหนึ่ง ไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจการค้าและปากท้องประชาชน ซึ่งเป็นข้อจำกัดของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ทำให้ถูกชาติยุโรปปิดกั้น อย่างอียูก็เพิ่งจะผ่อนปรนเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งเปิดช่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปเยือนอังกฤษ ฝรั่งเศสได้

“ภาพรวมของเศรษฐกิจในยุค คสช. จะต้องมีการนำมาเปรียบเทียบกับยุคพรรคไทยรักไทย มาจนถึงยุคพรรคเพื่อไทย พร้อมกับภาพทักษิณและยิ่งลักษณ์”

แล้วถ้าหากทักษิณกับยิ่งลักษณ์ปราศรัยข้ามประเทศแบบไลฟ์สดผ่านโซเชียล ซึ่งคงต้องทำแน่นอน ไม่มีทางปิดกั้นได้

“นั่นคงจะสร้างผลกระทบให้กับพรรคการเมืองที่เตรียมจะชู พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ ซึ่งก็ต้องดูการแก้เกมกันต่อไป”

ทักษิณก็จะต้องโอ้อวดผลงานด้านเศรษฐกิจสารพัดที่ทำเอาไว้ในช่วงเป็นนายกฯ ไปจนถึงโครงการที่เข้าถึงชาวบ้านรากหญ้า อันจะปลุกให้มวลชนระดับล่างภาคเหนือและภาคอีสานจะยังคงเลือกพรรคเพื่อไทยต่อไป

ส่วนยิ่งลักษณ์ คงได้โอกาสออกมาพูดจากับมวลชนผู้สนับสนุนถึงเหตุการณ์ที่ต้องหลบหนีคดีออกจากประเทศไทย และไม่พ้นคงเชื่อมโยงถึงโครงการจำนำข้าว ที่น่าเชื่อว่าชาวนาทั่วประเทศยังคงไม่ลืมเลือน

“ทั้งหลายทั้งปวง บรรยากาศการเลือกตั้งที่น่าจะมีขึ้นในปี 2562 จะต้องเกิดการสร้างกระแสให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เปรียบเทียบ”

โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเรื่องเงินทองในกระเป๋าชาวบ้าน

เปรียบเทียบระหว่างยุครัฐบาลทหาร กับยุคทักษิณ-ยิ่งลักษณ์นั่นเอง!!

จะว่าไปแล้ว การหนีไปต่างประเทศของทักษิณกว่า 10 ปีมาแล้ว ทั้งมีน้องสาวหนีตามไปสมทบ จากนั้นทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ทั่วโลกอย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นขอลี้ภัยทางการเมือง

บ่งบอกว่าสามารถขอวีซ่าได้ และที่สำคัญไม่มีประเทศไหนที่ให้ความร่วมมือกับทางการไทยในการจับกุมตัวให้ตำรวจไทยรับตัวกลับไปดำเนินคดี

นั่นเป็นเพราะประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลกรับทราบสถานการณ์ขัดแย้งในไทยได้อย่างลึกซึ้ง แม้ทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์จะหนีคดีในเรื่องการทุจริต แต่ทั่วโลกมองเน้นไปที่การทำลายล้างกันในทางการเมืองมากกว่า

“จึงตีความว่า ทั้ง 2 พี่น้องชินวัตรหนีภัยการเมือง ไม่สนใจการหนีคดีทุจริต”

เท่ากับว่า ในทางสากล ทั้งคู่ยังได้รับการต้อนรับและการยอมรับจากทั่วโลก

จุดที่ประเทศต่างๆ มองเห็น ก็คงเป็นการดำเนินคดีทุจริตต่างๆ กับตระกูลชินวัตร เกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหารล้มรัฐบาลที่ทั้งคู่เป็นนายกฯ แล้ว

พูดง่ายๆ ว่า ถ้าทักษิณและยิ่งลักษณ์พ้นจากอำนาจทางการเมือง โดยการเลือกตั้ง โดยประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ยอมรับแล้วไปเลือกพรรคการเมืองอื่น ถ้าหากคดีทุจริตเกิดขึ้นหลังจากทั้งคู่พ้นจากเก้าอี้ด้วยผลการเลือกตั้ง

“ถ้ามีการหลบหนีคดี เช่นนี้แล้ว คงไม่ได้รับการต้อนรับจากทุกประเทศอย่างแน่นอน”

ความผิดพลาดของขบวนการโค่นล้มทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ก็คืออาศัยกองทัพมาก่อรัฐประหาร ทั้งในปี 2549 และในปี 2557 เป็นการโค่นอำนาจที่ไม่เคารพกิตกาประชาธิปไตย ไม่มาจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่นั่นเอง

“ถ้าเล่นกันด้วยรถถัง ด้วยปืน ก็ยากที่ทั่วโลกจะเชื่อถือ ทั้งยังหันไปโอบอุ้มนายกฯ ที่ถูกกระทำด้วยวิธีการนอกระบบมากกว่า เหล่านี้คือบทเรียนที่ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยเรียนรู้จดจำ!”

ด้วยความที่ฝ่ายตรงข้ามทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ก็คือขั้วอำนาจฝ่ายอนุรักษนิยม เต็มไปด้วยชนชั้นสูงในเครือข่ายอำนาจเก่า ซึ่งไม่ศรัทธาประชาธิปไตย ทั้งได้ประโยชน์จากอำนาจรัฐที่มาจากรถถังและปืนมากกว่า

ดังนั้น ขั้วอำนาจนี้จึงไม่เคยคิดจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามการเมืองด้วยการพึ่งพาอำนาจประชาชนผ่านการเลือกตั้ง

“ถ้าจะมีการเลือกตั้ง ก็เพราะไม่อาจฝืนกระแสประชาชนและกระแสโลกได้”

การที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ ไปไหนมาไหนก็ได้ทั่วโลก จึงเป็นการประจานให้เห็นว่า การโค่นล้มอำนาจในการเมืองประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ล้าหลัง ดำเนินการด้วยขบวนการฝ่ายขวาจัดล้าหลังทางการเมือง

แล้วถ้ายังคงสภาพการต่อสู้ทางการเมืองเช่นนี้ต่อไป ก็จะยังปรากฏการเคลื่อนไหวจาก 2 พี่น้องชินวัตรในทางสากลไปเรื่อยๆ

เขย่าอำนาจของฝ่ายขุนศึกต่อไปไม่สิ้นสุด

ถ้ายังไม่สรุปบทเรียน หาทางออกใหม่ๆ สงครามความขัดแย้งก็จะวนเวียนไปมาเช่นเดิม!