วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร / เปล่งพลานุภาพ ผ่านเสียงกู่ (146)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

 

เปล่งพลานุภาพ ผ่านเสียงกู่ (146)

 

จะขอผ่านรายละเอียดอันเป็นบุญคุณความแค้นระหว่างเอ็งโกวกับอิดเอ็งไต้ซือ หรือแม้กระทั่งระหว่างเอ็งโกวกับหลวงจีนชื้ออึงในห้วงที่ทั้ง 3 ยังเป็นฆราวาสและผาดโผนอยู่ในยุทธจักร หากแต่เริ่มต้นจากความคิดอย่างที่ก๊วยเซียงสรุปออกมาอย่างรวบรัด

“คนไหนเลยไร้ความผิด เมื่อรู้จักสำนึกผิด เรื่องที่แล้วมาสมควรหักกลบลบล้างไป”

เอี้ยก่วยจึงยินดีรับปากต่อคำร้องขอจากอิดเอ็งไต้ซือ ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่งฉีกแบ่งเป็น 4 ส่วน อุดอยู่ในรูหูของหลวงจีนชื้ออึง 2 ส่วน ยื่นส่งให้แก่ก๊วยเซียง 2 ส่วน ยกมือทำท่า ก๊วยเซียงเข้าใจด้วยปัญญาไว

เอี้ยก่วยกล่าวกับอิดเอ็งไต้ซือว่า “ศิษย์ควงขวานต่อหน้าลูปัง เป็นเหตุให้ไต้ซือหัวร่อเยาะแล้ว”

จากนั้นค่อยๆ เกร็งลมปราณขึ้นจากจุดตังชั้ง มือซ้ายลูบเอว ยืดคอส่งเสียงกู่ร้องดังยาวนานออกมา เสียงกู่ตอนแรกสดใสกังวานอย่างแช่มช้า ยิ่งกู่ร้องยิ่งดังคล้ายฟ้าร้องครืนครืน พลันบังเกิดเสียงดังเลื่อนลั่นปานประหนึ่งอสนีบาต

ฟาดทลายอย่างกะทันหัน

สะเทือนเลื่อนลั่นครั้งแล้วครั้งเล่า ดังไล่หลังตลอดเวลา ไม่เพียงแต่สะเทือนเลื่อนลั่นครั้งแล้วครั้งเล่า หากภายในเสียงอสนีบาตฟาดกระหน่ำยังแฝงเสียงลมพายุอื้ออึง

เสียงกู่ร้องเปล่งดังยาวนาน ไม่มีวี่แววอ่อนโทรมขาดหาย

 

ในสภาพการณ์เช่นนี้ กล่าวสำหรับอิดเอ็งไต้ซือ ทางหนึ่ง กุมมือก๊วยเซียง ถ่ายทอดพลังอบอุ่นสายหนึ่งเข้าไปช่วยให้บังเกิดความสงบเยือกเย็น

มาตรแม้นเสียงกู้ยังดังอึงคะนึงแต่ก็ไม่สร้างความอกสั่นขวัญผวาให้อีก

ขณะเดียวกัน ทางหนึ่ง แม้รู้สึกว่าเสียงกู่ของเอี้ยก่วยออกจะรุนแรงมิใช่พลังธรรมอันเที่ยงแท้ แต่ตัวท่านเองเมื่อตอนอยู่ในวัยฉกรรจ์ยังไม่มีลมปราณอันสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ยามนี้อายุสูงวัยเรี่ยวแรงเสื่อมโทรมย่อมยิ่งไม่อาจเทียบเปรียบได้

ต้องครุ่นคิด “หลานแซ่เอี้ยผู้นี้มีกำลังภายในกล้าแข็งแกร่งกร้าวสุดที่ยอดฝีมือใดจะเทียบเทียมได้ ไม่ทราบฝึกปรือได้อย่างไร”

นี่เป็นธรรมดาของคนอยู่ในวงการบู๊ลิ้ม เมื่อพบเห็นก็ย่อมสงสัย

ผ่านไปชั่วธูปไหม้ครึ่งดอกพลันปรากฏเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนมาจากกลางบึงมังกรดำ เอี้ยก่วยโบกแขนเสื้อเสียงกู่พลันชะงักขาดหาย

เป็นเอ็งโกวนั่นเอง

“ตวนอ้วงเอี้ย ท่านป่าเถื่อนดุร้ายถึงเพียงนี้ คงคิดบีบบังคับเราให้ออกมาพบพาน ที่แท้ท่านมีเรื่องอันใด”

นางยังคิดว่าเป็นเสียงกู้มาจากอิดเอ็งไต้ซือ

 

พลันที่ได้ยินเสียงตอบจากอิดเอ็งไต้ซือยืนยันว่า “เป็นหลานแซ่เอี้ยผู้นี้ส่งเสียงกู่เชื้อเชิญ” สร้างความตื่นเต้นสงสัยเป็นอย่างสูง

เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

ในความครุ่นคิดของเอ็งโกว “ทอดตาทั่วแผ่นดิน นอกจากตวนอ้วงเอี้ยแล้วยังมีคนมีกำลังภายในลึกล้ำถึงเพียงนี้ คนผู้นี้แม้จำแนกโฉมหน้าแท้จริงไม่ออก แต่ผมเผ้าดำขลับ อย่างมากมีอายุเพียง 30 กว่าปี ไหนเลยมีพลังฝีมือถึงขั้นนี้

ก่อนหน้านี้เขารับเรา 3 ฝ่ามือโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นที่น่าตื่นตระหนกอยู่แล้ว เสียงกู้ครั้งนี้กลับน่าครั่นคร้ามชวนพรั่นพรึง”

ที่ครุ่นคิดเช่นนี้เพราะว่าเสียงกูสั่นสะท้านจิตวิญญาณของนางอย่างรุนแรง ทราบว่าหากไม่ออกจากบึงน้ำมาพบพานฝ่ายตรงข้ามพอใช้กำลังภายในเร่งเร้านางต้องสติเลอะเลือนได้รับความบอบช้ำภายในอย่างแน่นอน

มิอาจไม่ออกมา

เมื่อครุ่นคิดอย่างนี้สีหน้าย่อมไม่เป็นปรกติธรรมดา เมื่อระงับสติแล้วก็กล่าวกับเอี้ยก่วยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“จิ้งจอกวิเศษยกให้แก่เจ้า เราผู้เฒ่ายอมรับนับถือเจ้าแล้ว รีบไปให้แก่เราเถอะ”

แต่เรื่องมิได้จบเพียงแค่ “จิ้งจอกวิเศษ”

 

เพราะยังมีเรื่องร้องขอจากอิดเอ็งไต้ซืออีกเรื่องตามมา เมื่อเอ็งโกวมองดูอิดเอ็งไต้ซืออย่างเย็นชาพร้อมกับคำกล่าว

“ขอรับฟังพระบัญชาตวนอ้วงเอี้ย”

อิดเอ็งไต้ซือทอดถอนใจ กล่าวออกมาว่า “อดีตเช่นความฝัน คำเรียกหาเมื่อกาลก่อนยังเอ่ยถึงทำอะไร เอ็งโกว ท่านรู้จักเขาหรือไม่”

กล่าวพลางชี้มือไปยังหลวงจีนชื้ออึงซึ่งนอนขวางอยู่บนพื้น

หลวงจีนชื้ออึงก็คือฮิ้วโชยยิ่มผู้กระแทกทำร้ายบุตรชายของเอ็งโกวเมื่อหลายสิบปีก่อน