พลันที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดปฏิบัติการ “ดูด”อดีตส.ส.จาก พรรคเพื่อไทยโดยประเดิมเริ่มแรกที่จังหวัดเลย

หลายคนใน”พรรคอนาคตใหม่”ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แรกที่พรรคอนาคตใหม่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคมเป้า 1 ซึ่งถูกฟาดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง

คือ การโยง “ธนาธร” เข้ากับ “สุริยะ”

ปรปักษ์ทางการเมืองไม่ว่าจะเป็น “พันธมิตร” ไม่ว่าจะเป็น”กปปส.”ต่างรื้อฟื้นกรณี CTX ขึ้นมาอย่างอึกทึกครึกโครมเพราะว่าเป็นเรื่องที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แบกรับโดยตรง

มาดหมายจะให้ “มลทิน” จาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โยงเข้าหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ปฏิบัติการ”ดูด”จึงกลายเป็น”คุณูปการ”

 

แน่นอน ผลสะเทือนจากการดูดกลุ่ม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อาจทำให้พรรคเพื่อไทยบังเกิดความหงุดหงิด

แต่ก็กลายเป็น “เส้นแบ่ง” สำคัญทางการเมือง

อย่างน้อยก็ทำให้ภาพของ 2 พรรคการเมืองยืนอยู่คนละด้าน คนละมุมอย่างเด่นชัด

เพราะนี่เป็นเรื่องของ “กลุ่มสามมิตร”

หรือว่าจะโยงให้วิลิศมาหรามากยิ่งขึ้นก็อาจจะเป็นเรื่องของ

“พรรคพลังประชารัฐ” ก็ย่อมได้

เป็น “สามมิตร” หรือ SUMMIT ที่ไม่มี”ไทย”นำหน้า

พูดอย่างจำเพาะเจาะจงลงไปก็คือ เป็น ซัมมิต อีเล็กทรอนิกส์ มิใช่ ไทย ซัมมิต

นั่นก็คือ เป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

มิได้เป็นความรับผิดชอบของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจแห่ง พรรคอนาคตใหม่

 

อย่าได้แปลกใจหากหน้าปก “มติชนสุดสัปดาห์”จะนำภาพ 2 ภาพของอา-หลานมาประกบคำว่า”ดิจิทัล” กับ “อะนาล็อก”

ระหว่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ใครเป็น “ดิจิทัล” ใครเป็น “อะนาล็อก”ย่อมเห็นอย่างเด่นชัด ไม่มีปิดบังอำพราง

เพราะวิถีแห่ง”พรรคอนาคตใหม่”ย่อมต่างไปจากวิถีแห่ง”พรรคพลังประชารัฐ”