“โบว์-ณัฏฐา” นำทีมคนอยากเลือกตั้งไปรัฐสภา ยื่นค้านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก่อนสนช.พิจารณาพรุ่งนี้

วันที่ 14 มิถุนายน 2561 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งพร้อมด้วยประชาชนบางส่วน เดินทางเพื่อเข้ายื่นหนังสือและคำแถลง “หยุดยุทธศาสตร์คสช.” ถึงประธานและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื่องในโอกาสที่สนช.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีในวันพรุ่งนี้ (15 มิถุนายน 2561) จากที่กำหนดการเดิม สนช.จะพิจารณาวาระลงมติร่างยุทธศาสตร์ชาติ แต่ได้เลื่อนออกไป 1 วัน

โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ถือป้ายภาพโปสเตอร์ภาพอินโฟกราฟฟิคและการ์ตูนจากเพจ iLaw ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสนช. ซึ่งมีข้อความเช่น “หยุดยุทธศาสตร์ชาติ หยุดระบอบคสช.” “สนช.อนุมัติงบประมาณรวม 14 ล้านล้านบาทตลอดการยึดอำนาจคสช.” “เงินเดือนสมาชิกสนช. 113,560 บาท” “ออกกฎหมายไปแล้วอย่างน้อย 292 ฉบับ” “สนช.จะยังคงทำหน้าที่แทนส.ส.และส.ว.ต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง” พร้อมมีรูปตรายางเป็นสัญลักษณ์ และข้อความ “ยุทธศาสตร์คสช. โดยคสช. เพื่อคสช.”

ไม่เพียงเท่านี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งยังได้นำสิ่งของมาแสดงสัญลักษณ์ อาทิ หมอนรองคอ กาแฟ และตรายาง โดยผู้ร่วมกิจกรรมอธิบายว่าตรายางที่มีข้อความ “อนุมัติ” นั้นเปรียบได้กับการทำหน้าที่ของสนช.ที่หลับหูหลับตารับรองกฎหมายทุกฉบับให้รัฐบาลคสช.ราวกับเป็นตรายาง แต่ตรายางนั้นถูกกว่าเงินเดือนปีละเกือบ 30 ล้านบาทของสมาชิกสนช.มาก นอกจากนั้นมีการนำหมอนมาฝากสมาชิกสนช.ที่ชอบหลับ และนำกาแฟมาให้สมาชิกชงดื่มเพื่อเปิดหูเปิดตาตระหนักถึงความเลวร้ายของเผด็จการ แล้วกลับตัวมายืนเคียงข้างประชาชน ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม น.ส.ณัฏฐาและประชาชนบางส่วนถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ห้องโถงอาคารภายในได้ ทำให้ต้องยืนแถลงต่อสื่อตรงบริเวณทางเข้าใกล้กับอาคารกองรักษาการณ์แทน

น.ส.ณัฏฐาได้กล่าวว่า ในเนื้อหาสำคัญของคำแถลงประกอบด้วยความไม่เห็นด้วยกับการมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะมีที่มาจากคสช. ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการร่าง การอนุมัติ หรือการควบคุมให้ปฏิบัติตามเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงได้ โดยทางกลุ่มได้เรียกร้องให้สมาชิกสนช.ตระหนักว่าการผ่านร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยสภาที่ได้รับการแต่งตั้งจากคสช.และไม่มีฝ่ายค้านมาตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบนั้นจะไม่มีความชอบธรรมใดๆ ควรจะให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งได้มาทำแผนยุทธศาสตร์เองเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

นอกจากนี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งยังมีการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วและประกาศเป็นสัญญาประชาคม รวมถึงหยุดการละเมิดสิทธิเสรีภาพ โดยการยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

———————————————————————

คำแถลงถึงประธานและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

เนื่องในโอกาสที่สนช.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

“หยุดยุทธศาสตร์ คสช.”

 

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ จะเป็นการพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2560-2579) ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อรัฐบาลพลเรือนในอนาคตต่อไป มีการกำหนดโทษทางอาญาและการตัดสิทธิทางการเมืองหากไม่ปฏิบัติตาม มีเจตนาที่จะใช้เป็นเครื่องมือควบคุมครอบงำทางการเมือง และการสืบทอดอำนาจเผด็จการเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อันจะนำมาซึ่งความขัดแย้งแตกแยกและความรุนแรงทางการเมืองในอนาคตได้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้

  1. ขอให้บรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหลายพึงตระหนักว่า สนช.มาจากการแต่งตั้งของเผด็จการทหาร การผ่านร่างยุทธศาสตร์20ปีซึ่งเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจเผด็จการ จึงไม่มีความชอบธรรมใดๆ ร่างยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้เป็นตราบาปของแผ่นดินไทย อันอาจนำมาซึ่งความขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรง อีกทั้งทำให้พรรคการเมืองไม่อาจจัดทำนโยบายของตนเองนำเสนอต่อประชาชนได้ ขัดต่อหลัก การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
  2. การใช้เวลาอภิปรายแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในสนช.ด้วยเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในสภาที่ไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีการติติง วิพากษ์วิจารณ์ ด้วยเหตุที่สนช.ส่วนใหญ่เป็นทหารและข้าราชการที่จะต้องเชื่อฟังรัฐบาลเผด็จการ ทำให้ร่างยุทธศาสตร์นี้เป็นเพียงร่างทรงเผด็จการอันจะนำมาซึ่งความอับอายต่อประชาคมโลก
  3. การจัดทำยุทธศาสตร์ใดๆของชาติ ควรเกิดขึ้นจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และอยู่ภายใต้บรรยากาศเปิดกว้างในด้านสิทธิเสรีภาพเพื่อการมีส่วนร่วมจากประชาชนทุกภาคส่วน การจัดทำยุทธศาสตร์จากคนไม่กี่คนที่ถูกครอบงำจากอำนาจเผด็จการ และอยู่ภายใต้บริบทแห่งการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ จึงไม่อาจยอมรับได้ในฐานะยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้น จึงควรปล่อยให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้จัดทำแผนฯ ซึ่งสะท้อนความต้องการของประชาชน

รัฐบาลจะต้องเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วและประกาศเป็นสัญญาประชาคมที่ชัดเจน อย่าได้ใช้เล่ห์กลเลื่อนการเลือกตั้งให้เนิ่นนานออกไป ซึ่งจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นจากประชาคมโลก รวมทั้งรัฐบาลจะต้องยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ทั้งหมดที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยและขัดต่อหลักนิติธรรม  ยกเลิกการคุกคามละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน ตลอดจนปลดปล่อยนักโทษการเมืองและยุติการดำเนินคดีการเมืองทั้งหมดต่อผู้วิพากย์วิจารณ์รัฐบาล เพื่อนำมาสู่บรรยากาศที่พร้อมสำหรับการฟื้นฟูประชาธิปไตย การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ และได้รัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป