| เผยแพร่ |
|---|
ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ศาลนัดสืบพยานจำเลย นัดที่ 4 คดีโครงการรับจำนำข้าว พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “อยากขอความเห็นใจ เพราะโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือชาวนา ซึ่งได้ร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานใด”
ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็ฯต่อประเด็นดังกล่าวว่า เราลองมาวิเคราะห์คำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ให้สัมภาษย์ผ่านสื่อ เมื่อไปขึ้นศาลคดีจำนำข้าวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2559
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากขอความเห็นใจ เพราะโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือชาวนา แต่ในวันเดียวกัน ทนายความบริษัทซิงตั๊กกรุ๊ป ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ ให้เอาผิดมีการปลอมปนข้าวเหนียวไม่ได้คุณภาพ ซุกอยู่ในกองข้าวที่บริษัทซิงตั๊กกรุ๊ปประมูลได้ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นการย้ำถึงการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ยังไม่รับรวมเรื่องจีทูจี ชาวนาฆ่าตัวตายเพราะโครงการขาดสภาพคล่อง นั่งร้านซุกในกองข้าวและอื่นอีกมาก แปลกใจไหมที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่รู้สึกสำนึกต่อสิ่งเหล่านี้เลย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความเสียหายของประเทศ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบเพียง 20% ของความเสียหาย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว่า ได้ร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยงาน ซึ่งก็คือการให้ทนายความไปยื่นหนังสือต่อพล.อ.ประยุธ์ ความจริงน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็น่าที่จะรู้ว่า การยื่นหนังสือต่อพล.อ.ประยุทธ์นั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อกฏหมายกำหนดให้การร้องขอความเป็นธรรมนั้น ต้องไปร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ทุกฝ่ายยอมรับ ไม่ได้ให้ร้องต่อนายก แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็วนเวียนในสิ่งที่กฏหมายไม่ได้กำหนด
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การใช้คำสั่งทางปกครองเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ควรใช้กระบวนการทางศาลแพ่งมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็น่าจะรู้ว่า ถ้ารัฐบาลใช้คำสั่งทางปกครองเป็นสิ่งไม่ถูกต้องจริง ตามที่ตนเองเข้าใจ ก็ควรที่จะใช้ประโยชน์กับสิ่งเหล่านี้ ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ตนเองได้ประโยชน์แน่นอน แต่กลับมาพูดซ้ำๆ โดยไม่สนใจคำชี้แจงใดๆ
นี่คือคำพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกล่าสุด ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระหว่างไปขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ต้องช่วยกันวิเคราะห์
