“โจชัว หว่อง” จาก “ฮ่องกง” ไม่ถึง “ไทย”

จริงๆ แล้ว จากฮ่องกง เดินทางด้วยเครื่องบินมาถึงไทยได้ไม่ยากนะครับ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มาเดินปร๋อ เล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับรถราบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ได้แล้ว

แต่นั่นคงเป็นเรื่องของคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่คนบางคน ซึ่งในที่นี้กินความรวมถึงคนอย่าง “โจชัว หว่อง ไคฟุง” อีกคนนึงด้วย

โจชัว หว่อง ไคฟุง คือคนคนเดียวกับ “โจชัว หว่อง” ที่รู้จักกันไปทั่วโลกในฐานะ “สัญลักษณ์” ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง แล้วก็เพิ่งทำให้เมืองไทยดังไปทั่วโลกเหมือนกันเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา

ดังเพราะ โจชัว หว่อง ได้รับเชิญให้เดินทางมากล่าวสุนทรพจน์เป็นกรณีพิเศษที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องในวาระครบรอบ 40 ปีของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม แต่คนที่ไปรอรับ รอเก้อ ไม่เจอเด็กหนุ่มนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงรายนี้ กว่าจะรู้ว่าถูกกักตัวอยู่ที่สุวรรณภูมิเพื่อรอเนรเทศกลับฮ่องกง ก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำกันไปทั่วโลก เมื่อสื่อหลายรายเทียบเคียงเรื่องนี้กับการ “หายตัว” ไปเฉยๆ ของนักเขียนและเจ้าของสำนักพิมพ์ต่อต้านทางการปักกิ่งบางรายที่เดินทางมาไทยแล้วหายตัวไปเงียบๆ ก่อนไปโผล่อยู่ในการควบคุมตัวของทางการปักกิ่ง

ถึงกรณีนี้จะลงเอยด้วยดีว่า โจชัว หว่อง สามารถเดินทางกลับฮ่องกงได้โดยสวัสดิภาพ ทั้งยังไปแถลงข่าวกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวตนเอง “โดยมิชอบด้วยกฎหมาย” นานถึง 12 ชั่วโมง ก็ตาม

กรณีที่เกิดขึ้นก็ทำให้เกิดข้อกังขาไปทั่้วกันว่า ทำไมถึงต้องมีการควบคุมตัว ทำไมถึงไม่ยอมให้ โจชัว หว่อง เข้าประเทศ? หมอนี่เป็นใคร อันตรายขนาดนั้นจริงหรือ?

ผมไม่รู้จัก โจชัว หว่อง เป็นการส่วนตัว แต่รู้จักผ่านการข้อเขียน การให้สัมภาษณ์ และตัวหนังสือบอกเล่าเกี่ยวกับตัวเขา

แต่ถึงจะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ก็คิดว่าเข้าใจ โจชัว หว่อง มากกว่าเข้าใจเหตุผลการห้ามตัวเขาเข้าประเทศแน่นอน

โจชัว หว่อง เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย โอเพ่น ในฮ่องกง อายุยังไม่ครบ 20 แต่เป็นนักเคลื่อนไหว นักจัดตั้งและนักพูดระดับหัวแถวของฮ่องกง ผ่านประสบการณ์เคลื่อนไหวทางการเมือง เรียกร้องประชาธิปไตยมาแล้วหลายครั้ง แทบทุกครั้งถือได้ว่าเป็นการสร้างสถิติการเคลื่อนไหวทางการเมืองในฮ่องกงทุกครั้ง

นักเคลื่อนไหวทางการเมืองรายนี้ พื้นเพเป็นครอบครัวคริสเตียนมีอันจะกินในฮ่องกง เขาเคยบอกว่า โรเจอร์ หว่อง ผู้เป็นพ่อมีอิทธิพลต่อแนวความคิดทางสังคมของเขา เพราะมักนำเขาไปเยี่ยมเยียนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในฮ่องกงตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็ก กำชับด้วยว่าความรับผิดชอบหนึ่งในฐานะผู้ที่มีความพร้อมมากกว่า ก็คือควรใส่ใจดูแลผู้คนเหล่านี้

โจชัว หว่อง พูดเก่ง โน้มน้าวเก่ง และจัดตั้งเคลื่อนไหวองค์กรเก่ง ส่วนหนึ่งเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมจากการทำงานร่วมกลุ่มในคริสตจักรโปรเตสแตนต์มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ความเป็นผู้นำของเขาปรากฏชัดตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ที่ ยูไนเต็ด คริสเตียน คอลเลจ เมื่อเป็นผู้ร่วมจัดตั้งกลุ่ม “สกอลลาริสม์” ที่เป็นหัวหอกเคลื่อนไหวต่อต้านการเปลี่ยนตำราเรียนในฮ่องกงของทางการจีนในปี 2010 นำไปสู่การชุมนุมใหญ่ทางการเมืองเพื่อต่อต้านปักกิ่งในอีก 2 ปีต่อมา

“สกอลลาริสม์” กับ “สมาพันธ์นักศึกษาแห่งฮ่องกง” นี่เองที่เป็นหัวหอกในการก่อหวอดประท้วงความพยายามปฏิรูป “ระบบเลือกตั้งฮ่องกง” เสียใหม่ของรัฐบาลปักกิ่ง เมื่อปลายเดือนกันยายนปี 2014 ที่ลุกลามกลายเป็น “ปฏิวัติร่ม” หรือ “อัมเบรลลา เรฟโวลูชั่น” ที่เปิดโอกาสให้ “โจชัว หว่อง” ได้แสดงศักยภาพกับมวลชนเต็มที่จนตกอยู่ในสถานภาพ “ทูตของขบวนการประชาธิปไตย” แห่งฮ่องกงอยู่ในเวลานี้

ถามว่าคนอย่าง โจชัว หว่อง เป็นอันตรายจริงหรือ? คำตอบก็คือ ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาพูดในไทย เขาเดินทางไปพูดมาแล้วในหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน

ก่อนจะมาพูดที่จุฬาฯ เคยไปพูดที่อ็อกซ์ฟอร์ด, เคมบริดจ์, ฮาร์วาร์ด และ สแตนฟอร์ด มาแล้ว นั่นคงเป็นคำตอบอยู่ในตัว

ถามว่า ก่อนมาไทยเคยมีประเทศไหนไม่ยอมให้ โจชัว หว่อง เข้าประเทศหรือไม่ คำตอบคือ มีครับ ประเทศมาเลเซียเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว หรือเราอยากเป็นอย่างมาเลเซีย?

ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นบุคคลอันตราย การห้ามนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านจีนได้อย่างมีประสิทธิผลสูงยิ่งเข้าประเทศครั้งนี้ เป็นไปเพราะความประสงค์ของจีนใช่หรือไม่?

รัฐบาลต้องตอบให้ชัดนะครับ เพราะมาเลเซียเขายังตอบชัดเจนเลยว่า ห้ามเข้าเพราะไม่อยากให้กระทบกับความสัมพันธ์กับจีน!