ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 ตุลาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
ใครจะไปนึกว่าข่าวการเดินทางไปประชุมที่ฮาวายแบบ “เหมาลำ” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
จะกลายเป็น “ข่าวใหญ่” ที่มากด้วยสีสัน
และบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาลอย่างรุนแรง
เพราะเมื่อนำมารวมกับข่าวครอบครัว พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา
กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ตรงข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศไว้
ไม่ว่าจะเป็นการชู “เศรษฐกิจพอเพียง” ในเวทีโลก
การสั่งให้ข้าราชการประหยัด เดินทางด้วยเครื่องบินต้องนั่งชั้นประหยัด
การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
หรือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
“คำเทศนา” กลายเป็น “น้ำยาบ้วนปาก” ไปในพริบตา
มีคนบอกว่าเห็นข่าว พล.อ.ประวิตร แล้วนึกถึงตอนที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ขายหุ้นชินคอร์ป 76,000 ล้านบาท
ถ้าขายตอนปี 2546-2547 ที่สังคมไทยเกิดกระแส “ทักษิณฟีเวอร์”
“ทักษิณ” จะเป็น “ฮีโร่”
แต่พอขายในช่วงที่กระแสตก
การขายหุ้นในตลาดหุ้นที่ไม่ต้องเสียภาษียังถูกตั้งคำถามว่า “ทำไมไม่เสียภาษี”
ก่อนจะลุกลามไปเรื่องอื่นๆ ที่ซ่อนเอาไว้
จังหวะเวลาของ “ข่าว” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
ข่าว พล.อ.ประวิตร เกิดขึ้นในช่วงที่สังคมไทยไม่พอใจข่าวคนใกล้ชิดนายกฯที่มีลักษณะ “ทับซ้อน” ทางผลประโยชน์
ทั้ง ฝายแม่ผ่องพรรณ ลูกชายตั้งบริษัทในค่ายทหาร จนถึงการประมูลงาน
เมื่อเจอข่าวการใช้งบ 20 ล้านกับคน 38 คน ของ พล.อ.ประวิตร เข้าไป กระแสจึงแรงขึ้นทันที
ทั้งที่การเหมาลำไม่ใช่เรื่องแปลกของทุกรัฐบาล
จากเรื่องการใช้งบ 20 ล้านเช่าเหมาลำเครื่องการบินไทย
กลายมาเป็นเรื่องค่าอาหาร 6 แสนบาทบนเครื่องบินที่สะเทือนความรู้สึกคนหาเช้ากินค่ำ
และพัฒนาต่อมาเป็นเรื่องรายชื่อผู้ร่วมคณะ
ที่มีร่องรอยบางอย่างที่น่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นชื่อ “ผู้ประกาศข่าวสาว”
หรือชื่อผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยักษ์ใหญ่อีก 2 คน
จะเดินทางไปหรือไม่ไป ไม่ใช่ประเด็น
คำถามอยู่ที่ว่าทำไมถึงมีชื่อ 3 คนนี้ร่วมคณะเดินทาง
เกี่ยวข้องอะไรกับการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-สหรัฐอเมริกา
“ผู้ประกาศสาว” พอรู้กันว่าทำไมได้รับเชิญ
แต่ 2 รายชื่อจากบริษัทยักษ์ใหญ่เกี่ยวข้องอะไร
คนหนึ่ง มีหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์กับคนในกองทัพตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร
ปรากฏตัวในภาพข่าวเป็นประจำตอนที่บริจาคเงินให้กับหน่วยงานของกองทัพ
ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ สโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด หรือสมาคมแม่บ้านทหารบก
อีกคนหนึ่ง เป็นคนใกล้ชิด “เจ้าสัว”
ใกล้ชิดแค่ไหน
ก็ใกล้ชิดระดับเป็นพยานในคดี “หมอหยอง” เรียกเงินจาก “เจ้าสัว”
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมภาคเอกชนรายใหญ่นี้จึงมีชื่อเดินทางไปกับคณะ พล.อ.ประวิตร
หรือว่าเป็นหนึ่งในนโยบาย “ประชารัฐ”
รัฐกับเอกชนเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนทีมฟุตบอล
มีผู้รักษาประตู มีกองหลัง
และมีกองกลาง “จ่าย” บอล
ให้กองหน้ายิงประตู