รายงานพิเศษ

คนนี้มาแรง “บิ๊กตู่” 4 ปี ติดปีกบิน

ชุลมุนกากี-เขียว “น้องเลิฟบิ๊กป้อม”

ส่อง “บิ๊กแดง” สมาร์ต เป๊ะ กลางดงข่าวลือ

จับตาอนาคต “2 บิ๊กเจี๊ยบ” “ธนะศักดิ์-เฉลิมชัย”

แม้จะเป็นหัวหน้า คสช. มา 4 ปี และควบนายกรัฐมนตรีมาเกือบจะ 4 ปีแล้ว แต่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ดูจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นทุกวัน ว่ายังคงได้รับคะแนนนิยม เพราะมีชื่อติดโผอันดับ 1 ของคนที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเปรียบเทียบตัวเองว่า “คนนี้แรงกว่าฟ้าผ่า” หลังเสียงฟ้าคำรามสนั่นทำเนียบ เมื่อก่อนวันเกิด คสช. 1 วัน

แถมบอกด้วยซ้ำว่า 4 ปี แป๊ปเดียว ไม่รู้สึกว่านานเลย เพราะยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ

ด้วยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นรู้ตัวว่าเป็นเต็งหนึ่งมาแรงในฐานะนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แถมทั้งดูเหมือนนักการเมืองหลายขั้วก็แสดงทีท่าพร้อมที่จะร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เชื่อกันว่ามี “กองหนุนพิเศษ” หนุนหลัง

“ผมพอใจ ว่าเราได้ทำอะไรไปเยอะแยะ เก็บสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นกำลังใจให้พวกเราทำงานต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ในขณะที่พี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ประชาชนพอใจผลงาน คสช. โดยเฉพาะความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จนเอ่ยปากว่า “คสช. มีผลงานหนาเป็นศอก”

รวมถึงการแก้ปัญหาการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เมื่อ 22 พฤษภาคม 2561 ในโอกาสครบรอบ 4 ปี คสช. ที่ยุติลงได้ด้วยดี หลังแกนนำบางส่วนมาอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องที่สะพานมัฆวานฯ และถูกนำตัวไปดำเนินคดี

งานนั้น มีบิ๊กปู พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. แสดงบทบาทนำ เพราะใช้แต่กำลังตำรวจในการควบคุมสถานการณ์ ทั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตลอดเส้นทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล โดยมีการตั้งวอร์รูมที่ห้องทำงานของ พล.อ.ประวิตร ที่ตึกบัญชาการ 1

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่าเป็นการสร้างผลงาน หวังพิชิตใจ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากที่ลุ้นเป็น ผบ.ตร. มาหลายครั้ง เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี เกษียณกันยายน 2562

แต่บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา น้องรักบิ๊กป้อม เก้าอี้ยังเหนียว แม้จะมีข่าวเก้าอี้คลอนมาหลายครั้ง แถมโดย พล.อ.ประยุทธ์พูดทีเล่นทีจริงเรื่องเก้าอี้มาหลายครั้ง

จึงไม่แปลกที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ไม่ยอมให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ฉายเดี่ยว แต่มาบัญชาการในการแก้ปัญหาด้วยอีกคน โดยเฉพาะที่สะพานมัฆวานฯ

ในส่วนทหารนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ในฐานะ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) มอบหมายให้บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ซึ่งเป็น รอง ผบ.กกล.รส. ทำหน้าที่ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในส่วนของทหาร โดยนั่งมอนิเตอร์ สถานการณ์อยู่ที่ บก.ทบ.

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์ไม่ใช่เพียงเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น แต่เพราะมีประสบการณ์ในเรื่องผู้ชุมนุมและผ่านวิกฤตการเมืองมาหลายครั้ง

แต่ทว่าครั้งนี้ไม่ได้มีการใช้ กม.พิเศษแต่อย่างใด จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจเท่านั้น ส่วนทหารมีเพียงการเตรียมกำลังสารวัตรทหารบก มทบ.11 ไว้ดูแลทำเนียบรัฐบาล เพื่อเสริมกำลังตำรวจเท่านั้น

พล.อ.อภิรัชต์จึงทำหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดสถานการณ์บานปลาย หรือเหตุไม่คาดฝันขึ้น โดยมีการประสานกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อนรักเตรียมทหาร 20 อย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางการจับตามองไปที่ พล.อ.อภิรัชต์ หลังเกิดกระแสข่าวลือในหมู่คนเสื้อแดง จากการที่ พล.อ.อภิรัชต์ไปฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ พร้อมกับนายทหารระดับผู้บัญชาการกองพล และนายทหารระดับนายพันอีกหลายคน ที่จะต้องทำการฝึกตามวงรอบ

ด้วยเพราะตั้งแต่ 6 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ได้ประดับเครื่องหมายสำคัญที่แขนซ้ายแล้วด้วย

โดยในระหว่างการฝึก พล.อ.อภิรัชต์ ก็ยังคงออกปฏิบัติหน้าที่ ผช.ผบ.ทบ. ตามปกติ ทั้งการประชุมหน่วยขึ้นตรง ทบ. การรับแขก และประชุมงานในสายงานส่งกำลังบำรุงที่รับผิดชอบ

การปรากฏกายของ พล.อ.อภิรัชต์ที่ยังคงแข็งแรง ฟิตเปรี๊ยะ และเป๊ะอย่างมาก ก็เพื่อที่จะสยบข่าวลือต่างๆ อีกด้วย

ไม่แค่นั้น ในเวลานี้ ระดับหัวของ ทบ. อย่าง พล.อ.เฉลิมชัย ก็กำลังถูกจับตามองกับอนาคตหลังเกษียณราชการกันยายนนี้ ว่าจะมีตำแหน่งใดรองรับ แบบที่มีข่าวว่าจะไม่ได้เกษียณราชการ

โดยฉพาะเมื่อมีรายงานข่าวว่า พล.อ.เฉลิมชัย ที่ปกติมีบ้านพักอยู่ใน ร.1 รอ. ไม่ห่างจากบ้านของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร รวมทั้งบิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. เท่าใดนัก แต่กำลังจะย้ายไปอยู่บ้านพักที่ พล.ม.2 รอ. สนามเป้าแทน

จนทำให้เริ่มเห็นเค้าลางกันแล้วว่า พล.อ.เฉลิมชัยมีตำแหน่งใดรองรับในอีก 4 เดือนข้างหน้า

“มันเป็นเรื่องของชะตาชีวิต ไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้เป็น ผบ.นสศ. และยิ่งไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้เป็น ผบ.ทบ. และจึงไม่รู้ด้วยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร” พล.อ.เฉลิมชัยเปรย

แต่ในขณะที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย ถูกจับตามองถึงอนาคตอันใกล้นี้ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตรองนายกฯ เพื่อนเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถูกจับตามองเช่นกัน

เพราะแม้จะถูกปรับออกจาก ครม.ประยุทธ์ 5 เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ยังคงเป็นรองหัวหน้า คสช. ต่อ โดยที่ยังคงมาทำหน้าที่ และประชุม คสช. ทุกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ และยังคงช่วยงานด้านการกีฬาและการท่องเที่ยวต่อ โดยมีการลงพื้นที่ไปร่วมงานเทศกาลต่างๆ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

จนมีข่าวสะพัดในพื้นที่ว่า พล.อ.ธนะศักดิ์จะเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ที่เชื่อกันว่าเป็นพรรคทหาร พรรค คสช. ที่ตั้งมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะเป็นรัฐมนตรีในอนาคตอีกด้วย โดยมีข่าวสะพัดในบางพื้นที่ที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ไปร่วมงาน

แม้จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นรองนายกฯ แต่ด้วยความที่เคยเป็นอดีต ผบ.ทหารสูงสุด ที่ยังมีน้องๆ ในกองทัพไทยอยู่ พล.อ.ธนะศักดิ์จึงไปนั่งทำงานที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) และยังคงมีทีมติดตามเหมือนเมื่อครั้งเป็นรองนายกฯ เพราะยังคงเป็นรองหัวหน้า คสช.

และดูเหมือน พล.อ.ธนะศักดิ์ จะแฮปปี้มากกว่าเมื่อครั้งที่หลุด ครม. ไปแบบคาดไม่ถึง และรู้ตัวล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน

ไม่แค่นั้น เวลาที่ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้เกิดความชุลมุนในหัวใจ ไม่ใช่แค่ตำรวจ น้องรักบิ๊กป้อมเท่านั้น แต่บรรดานายทหารน้องเลิฟของบิ๊กป้อมก็ดูจะมองหน้ากันไม่สนิทใจนัก

เพราะเชื่อกันว่า บิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม ที่เป็นประหนึ่งลูกรักของบิ๊กป้อม จะพรวดฉลุยขึ้นเป็นปลัดกลาโหมในโยกย้ายกันยายนนี้เลย ไม่รอให้บิ๊กอ้อม พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน ผช.ผบ.ทบ. รุ่นพี่ ตท.18 น้องรักบิ๊กป้อม ที่จะเกษียณกันยายน 2562 เป็นปลัดกลาโหมก่อน 1 ปี

จนทำให้เกิดความหวาดหวั่นว่า ความไม่ลงตัวนี้ จะทำให้ พล.อ.ประวิตรส่ง พล.อ.วีรชัย หรือ พล.อ.ณัฐ ข้ามห้วยเป็น ผบ.ทหารสงสุด หรือเป็น รอง ผบ.ทบ. หรือไม่

จนทำให้บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร ที่เป็นตัวเต็งคนใน ต้องหวั่นไหว แม้ว่าจะมีความชอบธรรมที่เติบโตมาตามลำดับ และทำงานเข้าตากรรมการ

โดยเฉพาะเมื่อได้ร่วมคณะ พล.อ.ประวิตรไปเยือนกลาโหมสหรัฐอเมริกาล่าสุด ทำให้ได้ใกล้ชิดและได้แสดงฝีมือให้เห็นจนร่ำลือกันว่ามีสัญญาณดีๆ หลายอย่าง

แต่จู่ๆ คดีเงินทอนวัด ที่มีความพยายามพาดพิงว่า ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารประจำ ศรภ. มาช่วยงานที่สำนักงานของ พล.อ.พรพิพัฒน์ เพราะมีผู้ใหญ่ฝากมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยมาทำงานที่สำนักงานเลยสักครั้ง เพราะถูกขอตัวไปช่วยราชการผู้ว่าการ สตง. ตั้งแต่แรก

แต่ก็มีการปล่อยข่าวผ่านสื่อว่า เป็นเด็กของบิ๊กกบ เพื่อที่จะดิสเครดิต พล.อ.พรพิพัฒน์ แต่ยังดีที่ความจริงปรากฏ

แต่ก็ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคต และการตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ เพราะอาจใช้สูตรสลับไขว้

โดยเฉพาะการให้ พล.อ.ณัฐ กลับไปเป็น รอง ผบ.ทบ. เพื่อรอเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ เพื่อนรัก ตท.20 หรือแม้แต่ข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด แล้วให้ พล.อ.วีรชัย มาเป็นปลัดกลาโหม หรือให้ พล.อ.พรพิพัฒน์ ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหม

ความไม่ชัดเจน จึงทำให้เกิดความหวั่นไหวในหลายเหล่าทัพ ที่ก็ล้วนเป็นการชิงเก้าอี้กันของนายทหารเพื่อนร่วมรุ่น ตท.18 ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะ พล.อ.พรพิพัฒน์ และ พล.อ.วีรชัย ก็เป็นเตรียมทหาร 18 ด้วยกัน และร่วมคณะ พล.อ.ประวิตรไปเยือนอเมริกามาด้วยกันทั้งคู่

หรือการชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. ที่แม้บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. จะเป็นเต็งหนึ่ง แต่บิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. เพื่อน ตท.18 ก็มาแรง โดยเฉพาะเมื่อไปทำคะแนนตอนร่วมคณะ พล.อ.ประวิตรเยือนสหรัฐ

ในขณะที่เพื่อน ตท.18 ทั้งบิ๊กนวล พล.ร.อ.นวพล ดำรงพงศ์ ผช.ผบ.ทร. และบิ๊กโส พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล ประธานที่ปรึกษา ทร. ก็ไม่มีใครยอมยกธงขาว ตราบใดที่คำสั่งยังไม่ออก

รวมทั้งทุ่งดอนเมือง ที่ 3 เพื่อน ตท.18 ชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. กัน แม้บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผช.ผบ.ทบ. จะเป็นคนที่มีความชอบธรรมมากที่สุด และเส้นทางรับราชการสวยงามตามธรรมเนียมทัพฟ้า แต่ทว่า ก็ไม่มีอะไรแน่นอน

ด้วยเพราะมีการปลุกกระแส ผบ.ทอ. อายุราชการ 2 ปีขึ้นมา เพราะ ผบ.ทอ. ส่วนใหญ่จะเป็นไม่ต่ำกว่า 2 ปี ดังนั้น จึงทำให้ชื่อของบิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสธ.ทอ. ที่เกษียณกันยายน 2563 มาแรง

แต่บิ๊กโหน่ง พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ผช.ผบ.ทอ. แม้จะเหลือปีเดียวเหมือน พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ แต่ทว่า ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตรอีกคนหนึ่ง

การจัดโผโยกย้ายทหารที่จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมนี้ ที่จะเป็นโผส่งท้ายรัฐบาล คสช. ก่อนมีการเลือกตั้ง และทิ้งท้าย พล.อ.ประวิตร ที่ประกาศจะวางมือทางการเมือง

จึงน่าจับตามองยิ่ง ในการวางตัวขุนพลคุมกองทัพ ที่จะรองรับการกลับคืนสู่บัลลังก์นายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเป็นกองหนุนแบบมั่นคง และยั่งยืนอีกด้วย