พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช มทภ. 4 กับภารกิจ “พาคนกลับบ้าน” “อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข ดีกว่าหนีอยู่บนเขา”

นับเป็นการครบวงรอบของการปฏิบัติภารกิจสำคัญของ พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ในการดูแลความสงบสุขของพี่น้องในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มิติของการดูแลยังมีเรื่องเฉพาะพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้ง 4 อำเภอของสงขลา

ทำให้การทำงานในฐานะแม่ทัพมีหลายมิติในการบรรเทาหรือลดเหตุการณ์ การหาตัวผู้กระทำความผิด การดูแลพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ

การเปิดโอกาสเข้าสู่ประตูกระบวนการยุติธรรมให้กลุ่มผู้หลงผิดติดค้างคดีภัยความมั่นคง

และการเข้าสู่โครงการ “พาคนกลับบ้าน” เป็นการกลับบ้านเพื่อมาต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม

การได้โอกาสอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง พร้อมกลับตัวเป็นคนดี ร่วมนำพาพัฒนาพื้นที่ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ในอดีตเคยมีผู้ก่อการร้ายในอดีตจำนวนมากในพื้นที่ชายแดนภาคใต้หรือโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ก่อนจะปลดปืน สิ้นเสียงระเบิด แล้วกลับเข้ามาร่วมเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

พลโทปิยวัฒน์ กล่าวถึงเรื่องนี้ผู้มีความคิดเห็นต่างที่ยังคงก่อเหตุป่วนรายวันว่า เราได้นำผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อก่อนเคยเป็นผู้ก่อการร้ายโจรจีนคอมมิวนิสต์ ทั้งหมดมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแล้ว เราพาชาวบ้านในพื้นที่ไปดูที่หมู่บ้านปิยะมิตร (ตั้งอยู่บ้านปิยะมิตร ต.ตะเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา) เป็นหมู่บ้านไม้ดอกเมืองหนาว หลังจากที่เขาเหล่านี้มอบตัวและได้ร่วมพัฒนาชาติไทยกันแล้ว ไปดูว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร

ชาวบ้านได้ไปเห็นที่หมู่บ้านแห่งนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่า รัฐบาลทำจริงแล้วก็พูดจริง เมื่ออยู่ร่วมพัฒนาชาติไทยแล้วสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเปิดเผย อย่างที่หมู่บ้านปิยะมิตร มีคนหลายจังหวัดเข้ามาดู แล้วได้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเป็นคนนำเที่ยว

“พรุ่งนี้เช้าเขารู้แล้วว่าต้องทำอะไรให้ลูกทาน กลางวันจะทานอะไร อะไรที่เขาสามารถจะหาได้ สามารถกำหนดชีวิตได้ และเมื่อมีงานมีอาชีพ ผมบอกแล้วว่าการที่จะทำระเบิดหรือเหตุรุนแรงทั้งหลาย เงินสักบาทเดียวผมก็ไม่ให้ แต่ถ้าคุณกลับเข้ามาช่วยกันพัฒนาชาติไทย ร่วมทำมาหากินในอาชีพที่สุจริต ที่สัก 10-20 ไร่ ผมก็ไม่ว่า รัฐบาลจะช่วยคุณในการทำมาหากินของคุณ ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ หรือปลูกผัก มีกระทรวงต่างๆ ที่คอยสนับสนุนอยู่แล้ว ขอแค่ให้กลับมาร่วมกันพัฒนา ทุกอย่างมีคนรอรับท่านกันอยู่แล้ว อย่าขี้เกียจ อย่าเอาปมด้อยตัวเองมาเป็นปมเด่นเป็นจิ๊กโก๋กลางซอย” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

ถามว่า มีหลายคนนอกพื้นที่มักเข้าใจผิดเรื่องโครงการพาคนกลับบ้าน เหมือนพาคนร้ายมาชุบตัว

แม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงว่า “สิ่งที่ผมทำมา ถ้าให้มาถามผมว่าคนที่พูด พูดเอามันหรือเปล่า อย่าพูดเอาสนุก อย่าพูดเอาความดีเข้าตัวทุกอย่าง ที่พูดมามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย เมื่อทำผิดมาก็ต้องขึ้นศาล ส่วนการขึ้นศาลและการทำมาหากินอย่างไรนั้นมีขั้นตอนอยู่แล้ว จะให้ทนายดำเนินการก็ว่ากันไป คุณก็ทำงานต่อไป ไม่ได้มีปัญหา แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ของกรอบของกฎหมาย บ้านผมก็ไม่เคยสร้างให้ เงินผมก็ไม่เคยให้ แล้วก็มีบางองค์กรที่ชอบว่าทางรัฐบาลสนับสนุน ผมก็อยากให้องค์กรต่างๆ ลงมาดูเอง ถ้าอยากรู้อะไรมาถามผม อย่าไปเขียน อย่าไปพูด พูดเพื่อสนุก พูดเพื่อเอามัน ประเทศชาติจะเดือดร้อน อยากถามผม พร้อมตอบตลอด 24 ชั่วโมง มาได้เลย”

“เราใช้กฎหมายเป็นหลักอยู่แล้ว ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย ถ้าไม่มีทนาย ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็มีทนายให้ เป็นทนายมุสลิม ทราบกันดีอยู่แล้วคงไม่ต้องพูดถึงรายละเอียด เพราะว่าแต่ละคนเขาก็ทำงานเรื่องนี้มาเยอะ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำอย่างไร”

แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวด้วยว่า อยากให้คนที่ร่วมก่อเหตุทำร้ายบ้านเมืองหรือหลงผิดอยากกลับตัวกลับใจ ให้ลงมาข้างล่างหรือออกมาจากหลังบ้าน ออกมาจากเขา มาดูและรับรู้ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำ เจ้าหน้าที่รัฐทำ ทุกคนเห็นว่าเป็นอย่างไร มันจับต้องได้หรือไม่ อย่าไปคิด อย่าไปฟังคนอื่นเขา

“ทหาร ตำรวจทุกนาย ประชาชนเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนมาเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน พวกท่านคือใคร ก็คือพ่อแม่พี่น้อง ลูกหลานของพวกท่านทั้งนั้น เรามาช่วยเหลือ ไม่ได้มายึด ไม่ได้มาข่มขู่ ไม่ได้มาบุกรุกที่ดินท่าน เรามาดูแล เพราะฉะนั้น ขอให้ทราบถึงจุดนี้ด้วย สิ่งที่พวกท่านทำมาไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป เด็กๆ น้องๆ ที่มีอายุ 20 กว่าๆ เข้ามาเป็นทหาร มาเพื่อเข้ามาดูแลประเทศ มาดูแลผืนแผ่นดินไทย มาดูแลพ่อแม่ พี่น้อง ไม่ได้มาทำร้าย แต่พวกคุณต่างหากที่มาทำร้ายพวกเขา ยังไงขอให้ประชาชนชาวบ้านช่วยดูแลด้วย ช่วยแจ้งเบาะแส หรือไม่ก็ไปบอกเขาให้กลับมาร่วมพัฒนาประเทศกันดีกว่า”

“น่าจะได้สิ่งที่เขาต้องการ เช่น จะซื้อที่ซื้อของก็มาลงอยู่กับครอบครัว มาอยู่กับพ่อแม่ลูกเมียอย่างมีความสุข ดีกว่าอยู่บนเขา มันไม่มีอะไรขึ้นมา อนาคตไม่มีแน่นอนอย่างที่เห็น แม้กระทั่งตอนกลางคืนก็ยังไม่เห็นอะไรแล้ว แต่เมื่อลงมาข้างล่าง ปิดไฟ คุณก็จะเห็นความสุข การอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขของพ่อแม่ลูกเมียในการนั่งทานข้าวด้วยกัน”

“ของคุณยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะทานอะไร คืนนี้จะนอน พรุ่งนี้จะตื่นหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้น ขอให้มาช่วยกัน ขอให้ลงมาสู้กันในเรื่องของความคิด ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องก็มาพูดคุยกัน แต่ถ้าคิดว่าทำไม่ถูก ก็มาเริ่มต้นกันใหม่ มีคนคอยดูแลสอนในเรื่องวิชาชีพ”

“ถ้าไม่อยากลงก็อยู่บนเขา เดี๋ยวผมว่างๆ จะขึ้นไปเยี่ยมเยียนเองก็ได้ เพราะในผืนแผ่นดินไทย ทุกตารางนิ้ว ผมเหยียบได้หมด” พลโทปิยวัฒน์ กล่าว

ในการประชุมแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และในฐานะเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ร่วมในที่ประชุม มีการสรุปแผนความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น

เนื่องจากภาครัฐมีทิศทางและพัฒนาการในการแก้ไขปัญหา มีความเข้าใจในวิถีชีวิตและความเป็นสังคม พหุวัฒนธรรม รวมทั้งรับรู้ปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่

อีกทั้งการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ของภาคประชาชน ภาคประชาสังคมและเยาวชนเพิ่มขึ้น และนานาชาติและองค์กรต่างประเทศ มีความเข้าใจและให้ความร่วมมือต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญมีการกล่าวถึงเจตนารมณ์ของ พลโทปิยวัฒน์ ในฐานะเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ด้วยที่ยังตอกย้ำ ระบุตอนหนึ่งถึงการใช้ “กฎหมายนำ” เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ประชาชนเห็นถึงความจริงใจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ

ตามด้วย “การทหารตาม” เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุนและนักท่องเที่ยว

และตามด้วย “การเมืองขยาย” เป็นการนำนโยบายรัฐบาลมาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจ ลดความหวาดระแวง สร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุข

ที่จะขาดมิได้ในการปฏิบัติ คือ การน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงาน สานต่องานที่ได้ดำเนินการในปีที่ผ่านมาให้มีความต่อเนื่อง โดยปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องในปีที่ผ่านมา เพื่อให้การปฏิบัติงานในปี 2561 เกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นี่คืองานและภารกิจของ พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช และเจ้าหน้าที่ทหารทุกนายแห่งกองทัพภาคที่ 4 มุ่งปักธงไปพร้อมกัน