เด็กเก็บบอล : ปิดฉากซีเกมส์ 2017 ถึงเวลากลับมาพัฒนาตัวเองบ้าง

คอลัมน์เขย่าสนาม

จบลงไปแล้วสำหรับการแข่งขันกีฬา “ซีเกมส์ ครั้งที่ 29” ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศ “มาเลเซีย” ซึ่งบทสรุปคือ “ทัพนักกีฬาไทย” ไม่สามารถรักษาแชมป์เจ้าเหรียญทองเอาไว้ได้ เพราะได้เพียงอันดับ 2 เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนเหรียญของทัพไทยนั้นยังห่างจากเจ้าภาพถึงเท่าตัว โดยทัพไทยนั้นทำไปได้ 72 ทอง 86 เงิน 88 ทองแดง ขณะที่เจ้าภาพนั้นกวาดไปถึง 145 ทอง 92 เงิน 86 ทองแดง

นับได้ว่าเป็นผลงานที่น่าผิดหวังเนื่องจากก่อนเดินทางไปแข่งขันนั้น แต่ละสมาคมได้ตั้งเป้าหมายรวมเอาไว้ถึง 109 เหรียญทอง

ซึ่งเป้าหมายและผลงานของแต่ละสมาคมแบ่งเป็นอย่างนี้ (คว้าได้จริง ทอง-เงิน-ทองแดง)

 

กรีฑา ตั้งเป้า 14 ทอง (9-13-10) กีฬาทางน้ำ ตั้งเป้า 5 ทอง (3-9-8) ขี่ม้า ตั้งเป้า 3 ทอง (0-2-2) เซปักตะกร้อ-ชินลง ตั้งเป้า 6 ทอง (6-1-0) ยิงธนู ตั้งเป้า 2 ทอง (0-1-1) โบว์ลิ่ง ตั้งเป้า 3 ทอง (1-2-2) กอล์ฟ ตั้งเป้า 7 ทอง (3-2-1) วินด์เซิร์ฟ ตั้งเป้า 2 ทอง (2-0-0) ฟันดาบ ตั้งเป้า 2 ทอง (0-3-2) คาราเต้ ตั้งเป้า 3 ทอง (1-5-5)

เปตอง ตั้งเป้า 3 ทอง (2-4-1) ยูโด ตั้งเป้า 2 ทอง (1-2-1) ลอนโบวล์ส ตั้งเป้า 2 ทอง (0-0-4) วูซู ตั้งเป้า 1 ทอง (0-0-0) ยกน้ำหนัก ตั้งเป้า 1 ทอง (1-1-1) เทเบิลเทนนิส ตั้งเป้า 1 ทอง (1-1-4) ยิงปืน ตั้งเป้า 5 ทอง (3-2-3) มวยไทย ตั้งเป้า 5 ทอง (2-3-0) คิวสปอร์ต ตั้งเป้า 2 ทอง (1-2-1) ฟิกเกอร์สเก๊ตและสปีดสเก๊ตติ้ง ตั้งเป้า 2 ทอง (2-1-0)

วอลเลย์บอล ตั้งเป้า 2 ทอง (2-0-0) ยิมนาสติก ตั้งเป้า 3 ทอง (0-1-7) เรือใบ ตั้งเป้า 2 ทอง (2-6-4) เทนนิส ตั้งเป้า 3 ทอง (4-2-3) มวยสากลสมัครเล่น ตั้งเป้า 3 ทอง (2-3-1) ฮอกกี้น้ำแข็ง ตั้งเป้า 1 ทอง (0-1-0) จักรยาน ตั้งเป้า 3 ทอง (2-7-6) คริกเก็ต ตั้งเป้า 1 ทอง (1-0-1) รักบี้ฟุตบอล ตั้งเป้า 1 ทอง (1-0-1) เอ็กซ์สตรีม ตั้งเป้า 2 ทอง (2-1-0)

ฮอกกี้ ตั้งเป้า 1 ทอง (1-0-0) ปันจักสีลัต ตั้งเป้า 4 ทอง (2-2-6) เทควันโด ตั้งเป้า 5 ทอง (6-1-1) ขี่ม้าโปโล ตั้งเป้า 1 ทอง (0-1-1) แบดมินตัน ตั้งเป้า 2 ทอง (4-2-4) เป้าบิน ตั้งเป้า 3 ทอง (2-0-2) ฟุตบอล 4 ทอง (3-1-0)

สควอช ไม่ตั้งเป้า (0-0-2) ไตรกีฬา ไม่ตั้งเป้า (0-0-0) บาสเกตบอล ไม่ตั้งเป้า (0-1-1) เน็ตบอล ไม่ตั้งเป้า (0-0-1)

 

เมื่อสรุปออกมาแล้ว ผลปรากฏว่ามีเพียงแค่ “เทนนิส, เทควันโด” และ “แบดมินตัน” เท่านั้นที่สามารถทำผลงานเอาไว้ได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วน 16 ชนิดกีฬาที่ทำผลงานได้ตามเป้าหมายคือ ตะกร้อ, วินด์เซิร์ฟ, ยกน้ำหนัก, เทเบิลเทนนิส, วอลเลย์บอล, เรือใบ, คริกเก็ต, รักบี้, เอ็กซ์สตรีม, ฮอกกี้กลางแจ้ง, ฟิกเกอร์, ไตรกีฬา, สควอช, บาสเกตบอล และเน็ตบอล

ขณะที่ชนิดกีฬาที่พังไม่เป็นท่า ผลงานต่ำกว่าเป้าหมายนั้นมีมากถึง 23 ชนิดกีฬา คือ กรีฑา, ว่ายน้ำ, ขี่ม้า, ยิงธนู, โบว์ลิ่ง, กอล์ฟ, ฟันดาบ, คาราเต้, เปตอง, ยูโด, ลอนโบว์ล, วูซู, ยิงปืน, มวยไทย, คิวสปอร์ต (บิลเลียด-สนุ้กเกอร์), ยิมนาสติก, มวยสากล, ฮอกกี้น้ำแข็ง, จักรยาน, ปันจักสีลัต, ขี่ม้าโปโล, ยิงเป้าบิน และฟุตบอล

หลายประเด็นที่คนมักจะพูดถึงผลงานที่ย่ำแย่ของทัพนักกีฬาไทยในครั้งนี้ มาจากการใช้กลโกง และเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าภาพมาเลเซีย ที่ทำให้ทัพไทยนั้นไม่สามารถกอบโกยทองไปตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้

แต่จริงๆ แล้วกลโกงของเจ้าภาพเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ที่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ในเหตุผลของความตกต่ำของทัพนักกีฬาไทย

เพราะความจริงแล้วแต่ละสมาคมกีฬา ควรจะกลับมามองถึงข้อผิดพลาดของตัวเองในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ ว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งไทยเอาแต่มองตัวเอง เชื่อว่าเราเป็นเจ้าแห่งอาเซียน

ในขณะที่ชาติอื่นๆ สร้างนักกีฬาหน้าใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อหวังจะเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนบ้าง

 

เราจะเห็นได้จากกีฬาสถิติอย่าง “กรีฑา” หรือ “ว่ายน้ำ” ที่ทั้งสองชนิดนั้นผลงานต่ำกว่าเป้าหมาย เพราะครั้งนี้ถูกเวียดนาม และสิงคโปร์ ต่างหอบเหรียญทองกลับบ้านไปเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว

“ผู้ว่าเสือ” “สกล วรรณพงษ์” ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นประธานการเตรียมนักกีฬานั้น มองว่า องค์ประกอบที่สำคัญของเราที่ทำให้ทัพนักกีฬาไทยไปไม่ถึงเป้าคือ ความสามารถของนักกีฬาไทยเองผนวกกับความสามารถของชาติคู่แข่งในอาเซียน จริงอยู่ที่มีการเปรียบเทียบกันมาโดยตลอด แต่ต้องยอมรับว่าหลายๆ ประเทศสร้างนักกีฬาหน้าใหม่ได้ดีมาก

สิ่งที่ทัพนักกีฬาไทยต้องทำต่อไปคือ ผลักดันการสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ นำเอาข้อบกพร่องต่างๆ มาแก้ไข เพื่อที่จะพัฒนาและเตรียมการแข่งขันรายการต่อไป ซึ่งในปีหน้า (พ.ศ.2561) ยังมีการแข่งขันที่สำคัญรออยู่อย่าง “เอเชี่ยนเกมส์” ที่ประเทศอินโดนีเซีย

คงไม่ต้องมานั่งโทษกันว่าใครผิด ใครทำผลงานไม่ดี แต่ชั่วโมงนี้ต้องจับมือกันร่วมกันพัฒนานักกีฬาชาติไทย ให้กลับมาเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนให้ได้อีกครั้ง

ไม่เช่นนั้น ซีเกมส์ครั้งหน้าที่ฟิลิปปินส์ ไทยก็คงต่ำเป้าแบบนี้อีกครั้งแน่นอน