ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต | แพทริก เบิร์น ความเป็นไอริช ประเทศไอร์แลนด์… ที่ไม่ใช่ ไอซ์แลนด์ (3)
มาถึงปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไอร์แลนด์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังเฟื่องฟู
นายแพทริก (แพท) เบิร์น (H.E. Mr. Patrick Pat Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทยมีคำตอบว่า
“ไอร์แลนด์เป็นสังคมแห่งการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบทกวี หนังสือ ละคร หรือเพลง เพราะเราชอบที่จะบอกเล่าเรื่องราวและให้ความบันเทิงแก่ผู้คน ความสำเร็จในปัจจุบันของเราด้านภาพยนตร์และทีวีจึงเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยดังกล่าว”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลของเรามีส่วนร่วมในการหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยการลดหย่อนภาษีพิเศษสำหรับผู้ที่เลี้ยงชีพด้วยศิลปะและวัฒนธรรม”
กระทรวงอุตสาหกรรมให้แนวคิดของ “อุตสาหกรรมสร้างสรรค์” ว่า คือกระบวนการหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ใช้พื้นฐานของสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม (Cultural Asset – Based) ร่วมกับความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) นวัตกรรม (Innovation) หรือเทคโนโลยี ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ (Commercialization) หรือคุณค่าเพิ่มทางสังคมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
“นอกจากนี้ เรายังให้สิ่งจูงใจแก่ผู้สร้างนานาชาติเพื่อให้มาใช้ไอร์แลนด์เป็นสถานที่ถ่ายทำ จากประสบการณ์ของเราชี้ให้เห็นว่าผู้สร้างภาพยนตร์อย่าง Steven Spielberg และทีมงานที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ Star Wars และ Game of Thrones ไม่ได้พบว่าค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ”
“ข้อได้เปรียบที่แท้จริง คือความสวยงามตามธรรมชาติที่โดดเด่นของไอร์แลนด์ ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และยาวนาน ที่รวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวไอริช ไม่ว่าจะเป็นดนตรี อาหารพื้นเมือง จนไปถึงตำนานและความเชื่อต่างๆ ในท้องถิ่นที่มีอยู่มากมาย”

ประเทศไอร์แลนด์ได้กลายเป็น “เมืองหลวงของการสร้างภาพยนตร์” (a capital of filmmaking) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไอร์แลนด์สร้างตัวเองให้เป็น “สภาพแวดล้อมการผลิตที่น่าดึงดูดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก” ด้วยแรงจูงใจทางภาษีเพื่อดึงดูดนักลงทุนมาตรา 481 รวมทั้งนักเขียนและผู้กำกับฯ มากความสามารถ ผู้ผลิต นักแสดง และทีมงานที่ไอร์แลนด์มีให้ (จาก FísÉireann/Screen Ireland)
ทางด้านวัฒนธรรม ไอร์แลนด์มีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตำนาน วรรณคดี ดนตรี นาฏศิลป์ ศิลปะ ภาษา อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งก็ได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งในประเทศไทยเช่นกัน สถานทูตมีการเตรียมจัดกิจกรรมสาธารณะและการเฉลิมฉลองวันเซนต์แพทริกในปีนี้อย่างไรบ้าง
“ผมขอขอบคุณที่กรุณากล่าวเช่นนั้น เพราะเรามีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของเราเป็นอย่างมาก ผมมั่นใจว่า เราจะนำมาเสนอเพื่อให้คนไทยมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมทางวัฒนธรรมของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
นายแพทริก (แพท) เบิร์น (H.E. Mr. Patrick Pat Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย กล่าวถึงวัฒนธรรมไอริชซึ่งมีมากมาย หลากหลายด้าน
“เราภูมิใจในนักเขียนและกวีของเรามาก ประเทศไอร์แลนด์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมากกว่าประเทศอื่นๆ จากความสำเร็จของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ตัวอย่าง วิลเลียม บัตเลอร์ เยตส์ (William Butler Yeats) หรือ ดับเบิลยู. บี. เยตส์ (W. B. Yeats) และเชมัส ฮีนีย์ (Seamus Heaney) และสำหรับเจมส์ จอยซ์ (James Joyce) ที่อาจมีชื่อเสียงยิ่งไปกว่าเพราะนวนิยายของเขาคือเรื่อง ยูลิสซีส (Ulysses) มักถูกอ้างถึงว่าเป็นนวนิยายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา”

“นอกจากนี้ เรายังภูมิใจในดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิมของเราซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกนั่นคือ The Riverdance show”
“และนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะในปีนี้ เราจะได้ต้อนรับวงไอริช Westlife สู่ประเทศไทยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของพวกเขา”
“ส่วนวันที่ผมตั้งหน้าตั้งตารออีกวัน คือวันเซนต์แพทริก 17 มีนาคมนี้ ไอร์แลนด์มีประเพณีในการจุดไฟประดับประดา ณ สถานที่สำคัญและอาคารที่มีชื่อเสียงทั่วโลกด้วยสีเขียวไอริช และเรามีแผนที่จะทำเช่นนั้นอีกครั้งในปีนี้ ทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่”
“นอกจากนี้ จะมีงานกาล่าเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษที่จัดโดย St Patricks Society of Thailand โดยจะมีแขกเหรื่อเข้าร่วมมากกว่า 500 คน ในขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ก็จะจัดงานเลี้ยงฉลองวันชาติของเราในจำนวนที่ใกล้เคียงกันด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เรายังจะได้เห็นการเดินขบวนพาเหรดวันเซนต์แพทริกที่พัทยาอีกครั้งจัดโดยชุมชนชาวไอริชที่นั่น”

วันเซนต์แพทริก ตรงกับวันที่ 17 มีนาคมของทุกปี เป็นวันชาติของไอร์แลนด์ และเป็นวันหยุดทางศาสนาของชาวไอริช เพื่อเป็นการรำลึกถึงนักบุญคนสำคัญของไอร์แลนด์คือ นักบุญแพทริก ซึ่งนอกจากจะเป็นเทศกาลที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมไอริชได้ดีที่สุดแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองที่เชื่อมโยงชาวไอริชและและผู้ไม่ใช่ชาวไอริชทั่วทุกมุมโลกให้รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วย
ในวันเซนต์แพทริก มีสัญลักษณ์มากมายที่สื่อถึงความสำคัญของวันนี้ ไม่เพียงแค่สีเขียวที่เป็นสัญลักษณ์เด่นของวันนี้ที่ผู้เฉลิมฉลองจะใส่ชุดสีเขียวกันทั่วทั้งประเทศ แต่ยังมีสัญลักษณ์อื่นๆ อีก ได้แก่ เล็ปพระคอน (Leprechaun) ภูตแคระที่ใส่สูทและหมวกสีเขียวในเทพนิยายของชาวไอริช, โคลเวอร์ (Clover) หรือ แชมร็อก (Shamrock) พันธุ์ไม้โบราณประจำชาติของไอร์แลนด์ โดยทั่วไป ใบของต้นโคลเวอร์ หรือแชมร็อก จะมี 3 กลีบ แต่หากใครสามารถพบแบบ 4 กลีบ ถือได้ว่ามีโชคดีมากที่สุด เพราะหลายๆ คนอาจพบเพียงครั้งเดียวในชีวิตก็ว่าได้ ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเรื่องเล่าขานกันมากมายมาตั้งแต่ยุคโบราณ
“ไอร์แลนด์เป็นที่รู้จักกันในนามเกาะมรกต (The Emerald Isle) นี่เป็นเพราะประเทศของเรามีความเขียวขจีปกคลุมด้วยพื้นที่เพาะปลูกชนบทและป่าไม้เป็นหลัก เรียกอีกอย่างว่า ‘ดินแดนแห่งสีเขียว 40 เฉด’ (The Land of 40 Shades of Green) เนื่องจากสีเขียวมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเกาะของเรา เราจึงสนับสนุนให้ผู้คนสวมใส่สีเขียวในวันเซนต์แพทริกซึ่งเป็นวันชาติของเรา ในวันที่ 17 มีนาคม”
“หลังจากวันเซนต์แพทริก ไม่กี่วันต่อมาคือวันที่ 24 มีนาคม เราจะจัดฉายภาพยนตร์ไอริชที่น่าทึ่งเรื่องหนึ่งชื่อ ‘The Girl from Mogadishu’ ร่วมกับโรงแรม Amari Watergate”
“นอกจากนี้ เราจะมีโอกาสได้ต้อนรับรัฐมนตรีจากไอร์แลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ St. Patrick’s Day โดยรวม”
“ส่วนการฉลองวรรณกรรมไอริชจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนที่เกี่ยวข้องกับนวนิยายไอริชที่โด่งดังที่สุดเรื่อง ยูลิสซีส (Ulysses) โดยเจมส์ จอยซ์ (James Joyce)”

ท่านทูตแพทเสริมว่า
“จากนั้นในปีต่อไป เราจะนำการแสดงดนตรีและการเต้นรำมาที่นี่ ซึ่งรวมถึงการจัดเทศกาลภาพยนตร์ไอริชประจำปีของเราด้วย”
“แน่นอนว่า จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่สนุก!” •
รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน
Chanadda Jinayodhin
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022