เด็กชาย ตัวตุ่น จิ้งจอก อาชา | The Boy, the Mole, the Fox and the Horse

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

ตอนที่เป็นหนังสือเขียนโดยชาร์ลี แม็กเคซีย์ (Charlie Mackesy) เมื่อปี 2019 ก็เรียกว่าดีเลิศ น่าแปลกใจที่ยังไม่เห็นใครแปลไทย ซึ่งก็พอเดาได้ว่าแปลยากอยู่ ตอนนี้อาจจะมีใครกำลังนั่งแปลอยู่แต่ยังไม่เสร็จก็เป็นได้ จำได้ว่าตอนที่อ่านครั้งแรก “โดน” แทบทุกหน้า

พอมาสร้างเป็นหนังการ์ตูนซึ่งบีบีซีเอาออกฉายเมื่อคริสต์มาสปี 2022 ที่ผ่านมา คาดหวังกันว่าจะเป็นหนังครอบครัวรับทุกคริสต์มาสเหมือนกับที่ The Snowman ของเรย์มอนด์ บริกส์ เคยทำได้มาแล้ว

สารภาพว่าแม้ภาพเคลื่อนไหวจะเป็นเลิศ แต่รู้สึกโดนด้วยความถี่ที่น้อยกว่า อาจจะเป็นเพราะเคยอ่านและโดนมาก่อนแล้วก็เป็นได้

สำหรับท่านที่ดูหนังเป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกโดนเยอะกว่า ที่แน่ๆ คือนักวิจารณ์ชอบกันมาก

หนังยาวประมาณ 30 นาทีเล็กน้อย สวยด้วยภาพ ดีด้วยคำ เสียงพากย์เสนาะหู ไพเราะด้วยดนตรี

ที่สำคัญคือแอนิเมชั่นที่น่าตรึงใจ ภาพเป็นลายเส้นเดียวกันกับในหนังสือคือตวัดด้วยปลายพู่กันที่ลงเส้นหนักเบาได้ถูกจังหวะ

ตอนเป็นหนังสืออ่านยากบางคำเมื่อมาเป็นหนังก็สบายสายตาดีเพราะไม่ต้องอ่านแล้ว

เล่าเรื่องสหายสี่คน ไม่สิ หนึ่งคนกับสามตัว ตอนแรกเป็นเด็กชายพบตัวตุ่นที่รู้สึกว่าตนเองเล็กจังเลย แล้วทั้งสองก็พบจิ้งจอกที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ จากนั้นจึงพบม้าที่ดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ (ให้เสียงอย่างน่าฟังโดยแกเบรียล ไบน์) สหายทั้งสี่ต่างมีจุดอ่อนในตัวเองแต่พอได้เดินทางด้วยกัน สนทนากัน ทั้งหมดก็เข้าใจในตัวเองมากขึ้น เนื้อเรื่องและเนื้อหามีเท่านี้เอง วิธีนำเสนอที่ประสบความสำเร็จจึงสมควรได้รับคำชื่นชมอย่างมาก

“โตขึ้นเธออยากเป็นอะไร” ตัวตุ่นถาม

“ใจดี” เด็กชายตอบ

เห็นไหมครับว่าดีจัง ใครจะนึกคำตอบแบบนี้ออกมาได้ โตขึ้นเราอยากเป็นอะไร เป็นคนใจดีไง

“เธอมีคำพูดที่ชอบมั้ย” เด็กชายถาม

“มีสิ” ตัวตุ่นตอบ

“อะไรหรอ” เด็กชายถาม

“เมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ กินเค้กสิ” ตัวตุ่นตอบ

แล้วตลอดหนังทั้งเรื่องเราจะพบว่าตัวตุ่นพูดถึงเค้กอยู่บ่อยครั้ง

จากเพียงสองฉากเราอนุมานว่าเด็กชายซึ่งมีใบหน้าเศร้าสร้อยน่าจะพบอะไรบางอย่างมาจนกระทั่งเขารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เขาจึงอยากเป็นคนใจดี หรือว่าเขาพบคนใจร้ายมา ข้างตัวตุ่นซึ่งชอบก่นว่าตนเองตัวเล็กจิ๋ว เมื่อดูหนังก็ยิ่งเล็กลงไปกว่าในหนังสืออีกก็น่าจะทำอะไรไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไรนักจึงแก้เครียดด้วยการกิน เหมือนหลายๆ คนในสังคมทุกวันนี้

เครียด กิน เครียดยิ่งขึ้น ช้อปปิ้ง อย่าลืมว่าช้อปปิ้งก็เป็นการบริโภครูปแบบหนึ่ง

มีบทสนทนาชิ้นเยี่ยมระหว่างเด็กชายกับตัวตุ่นอีกชิ้นที่ปรากฏในหนังสือ

“ฉันรู้วิธีอยู่กับปัจจุบัน” ตัวตุ่นว่า

“ยังไงหรอ” เด็กชายถาม

“ฉันจะหาที่เงียบๆ ปิดตาแล้วหายใจ”

“เข้าท่านี่ แล้วไงต่อ”

“ฉันตั้งใจจดจ่อ”

“จดจ่อกับอะไร”

“เค้ก”

“แปลกเนอะ เราสามารถมองเห็นออกไปแค่ข้างนอก แต่เกือบทุกอย่างเกิดขึ้นข้างใน”

เด็กชายกับตัวตุ่นพบจิ้งจอกถูกกับดัก จิ้งจอกดุร้ายขู่ตัวตุ่นฟอดๆ แต่ตุ่นตัวเล็กสามารถหลุดรอดจิ้งจอกเข้าไปใช้ฟันแทะกับดักที่ล่ามจิ้งจอกไว้จนขาด เด็กชายและตัวตุ่นนั่งคุยกันบนต้นไม้โดยมีจิ้งจอกป้วนเปี้ยนอยู่ข้างล่าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ไว้ใจกันหรือเป็นเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นเข้าหากันอย่างไรดี

ฉากที่สามชีวิตไปพบม้าเขียนเป็นลายเส้นขาวดำในหนังสือหลายหน้า ครั้นเป็นแอนิเมชั่นกลายเป็นภาพสีสวยสดเคลื่อนไหวสนุกสนานน่าดูจนกระทั่งเด็กชายร่วงตกจากหลังม้า

“คำพูดอะไรที่กล้าหาญที่สุดที่เธอเคยพูด” เด็กชายถามม้า

“ช่วยด้วย” ม้าตอบ

“ตอนไหนที่เธอแข็งแรงที่สุด” เด็กชายถาม

“ตอนที่ฉันกล้าแสดงความอ่อนแอให้คนเห็น” ม้าตอบ “ร้องขอความช่วยเหลือมิใช่แปลว่ายอมแพ้” ม้าพูดต่อไป “แต่เป็นการปฏิเสธที่จะยอมแพ้”

โดนไหมครับ บทสนทนาตอนนี้ชวนให้นึกถึงผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่กำลังคิดฆ่าตัวตาย แทนที่เราจะว่าเขาอ่อนแอ ความจริงคือเขาเข้มแข็งมากที่อยู่มาได้นานปานนี้ และเขากล้าหาญมากที่ร้องขอความช่วยเหลือ ร้องขอความช่วยเหลือมิใช่แปลว่ายอมแพ้ แต่เป็นการปฏิเสธที่จะยอมแพ้”

สี่สหายเดินทางต่อไป

ฉากเดินผ่านน้ำมีเงาสะท้อนในน้ำเป็นลายเส้นขาวดำในหนังสือกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวสี่สีสวยงามน่ามองบนจอหนังอีกครั้งหนึ่ง

ฉากไคลแมกซ์ในหนังค่อนข้างแตกต่างจากในหนังสือ สปอยล์มิได้ ได้แต่ให้ไปหาดู

กำกับฯ โดยปีเตอร์ เบนตัน และชาร์ลี แม็กเคซีย์ เอง

คว้าออสการ์หนังการ์ตูนสั้นมาด้วย •

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์