คุยกับทูต | อาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี นักข่าว นักประวัติศาสตร์ นักการทูตโปแลนด์ (1)

สถานเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทยให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตโปแลนด์คนใหม่ ซึ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ และเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

ก่อนมาประจำประเทศไทย นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี (Mr. Artur Dmochowski) เคยดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำมอนเตเนโกรมาก่อน

นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Jagiellonian ในโปแลนด์ และสาขานโยบายระหว่างประเทศจากสถาบัน Monterey Institute of International Studies เมืองมอนเทอเรย์ สหรัฐอเมริกา

มีประสบการณ์ที่หลากหลายทั้งในภาครัฐและเอกชน กว้างขวางทางการสื่อสารมวลชน และก่อตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศโปแลนด์ (TVP)

ตำแหน่งสำคัญในโปแลนด์ ก่อนหน้านี้ ได้แก่ โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักข่าว (Polish Press Agency) และรองผู้อำนวยการสถาบันการทูต กระทรวงต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีผลงานมากมายเกี่ยวกับการเขียนหนังสือด้านประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นที่ยอมรับในแวดวงวิชาการของสาธารณรัฐโปแลนด์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สงครามอินโดจีนในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นหนังสือเรียนสำหรับนักศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย และได้รับรางวัลมากมายจากการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจการสาธารณะ

จึงเป็นความหวังว่า นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และผลักดันความร่วมมือระหว่างไทยกับโปแลนด์ในมิติต่างๆ ให้มีพลวัตยิ่งขึ้นต่อไป

นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย

ความเป็นมา

“ผมรู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโปแลนด์ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำกรุงเทพฯ”

นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี เล่าเส้นทางสู่การเป็นนักการทูตประจำประเทศไทยอย่างน่าสนใจ

“สืบเนื่องจากที่มีความสนใจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะมีความคิดว่าภูมิภาคนี้มีลักษณะทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ สาเหตุหลักมาจากอิทธิพลและบทบาทความสมดุลของอำนาจในระดับโลก ด้วยเหตุนี้ผมจึงศึกษาประวัติศาสตร์และการเมืองของภูมิภาคนี้มาหลายปี เป็นผลให้ผมได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อินโดจีนเมื่อศตวรรษที่ 20 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนังสือสำหรับนักศึกษาสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยหลายแห่งในโปแลนด์”

“ด้วยเหตุที่ผมมีประสบการณ์ทางการทูตในยุโรปและอเมริกามานานหลายปี เมื่อได้รับข้อเสนอให้มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำราชอาณาจักรไทย เขตอาณาครอบคลุมราชอาณาจักรกัมพูชา ประเทศลาว และเมียนมาด้วย ผมจึงรับหน้าที่และความรับผิดชอบนี้ด้วยความมั่นใจ”

นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี (Mr. Artur Dmochowski) เฝ้า ฯ ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย

ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและโปแลนด์

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1972 เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปแลนด์ เนื่องจากเป็นวันที่ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก

จากวันนั้นถึงปี 2023 นี้ ทั้งสองประเทศเป็นมิตรกันยาวนานครบ 51 ปี การแลกเปลี่ยนหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์กันในวันนั้น ได้มาเป็นพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในวันนี้ ทำให้มีคนไทยจำนวนไม่น้อยไปตั้งรกราก สร้างครอบครัว ทำมาหาเลี้ยงชีพ หรือศึกษาหาความรู้อยู่ในโปแลนด์ รวมถึงมีการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างกัน ในขณะเดียวกันชาวโปแลนด์จำนวนมากได้มาลงหลักปักฐานอยู่ในประเทศไทยและเป็นคู่ค้ากับคนไทย

“แม้เราจะอยู่ห่างไกลกัน แต่ผู้คนทั้งสองประเทศนี้ก็มีประสบการณ์และประเพณีที่คล้ายคลึงกันอย่างมากด้วย” นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ถือว่ามีความใกล้ชิด

“ประการแรก เราทั้งสองประเทศรักเสรีภาพ คำว่า ‘ไทย’ นั้นแปลว่า ‘ความเป็นอิสระ’ และนั่นแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของคำนี้ว่า มีความสำคัญต่อคนไทยเพียงใด”

“ประวัติศาสตร์ของเราชาวโปแลนด์เต็มไปด้วยกรณีตัวอย่างในความปรารถนาอันแรงกล้าของเราที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศอย่างอิสรเสรีและในฐานะประชาชนที่มีเสรีภาพ นอกจากนี้ ชีวิต ค่านิยมทางจิตวิญญาณ และศาสนาของเราทั้งสองประเทศนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง”

“คนไทยนับถือศาสนาพุทธ ส่วนเรานับถือศาสนาคริสต์ ต่างก็มีประเพณีแห่งความกล้าหาญ และความรักต่อชาติบ้านเกิดเมืองนอน ต่างมีวัฒนธรรมเก่าแก่ และประวัติศาสตร์อันยาวนาน”

บทบาทที่สำคัญในฐานะเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย

“โปแลนด์และไทยมีความเชื่อมโยงกันด้วยมิตรภาพและความเคารพซึ่งกันและกันมานานกว่า 50 ปี เรารู้สึกพอใจกับความสำเร็จที่ผ่านมาในหลายๆ ด้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มองเห็นศักยภาพและโอกาสมากมายในการกระชับกิจกรรมร่วมกันของเราให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือโปแลนด์-ไทยในด้านการเมือง การลงทุน และอุตสาหกรรมด้านการป้องกันประเทศ”

“ดังนั้น ภารกิจของผมก็คือการกระชับความร่วมมือทวิภาคีของเราให้เข้มข้นขึ้น และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความน่าดึงดูดใจที่มีอยู่ในประเทศโปแลนด์”

“แม้การติดต่อสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก เนื่องจากอุปสรรคต่างๆ ที่โลกต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้การเดินทางและการติดต่อระหว่างกันเป็นไปด้วยความยากลำบาก”

“แต่ตอนนี้ความร่วมมือทวิภาคีของเรากำลังฟื้นตัวขึ้น และเราได้กลับมาจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างโปแลนด์และไทยขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประเพณีที่มีมายาวนานจากการเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความร่วมมือในอนาคตของเรา”

“นอกจากนี้ เรากำลังวางแผนดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และเรายังได้จัดงานเฉลิมฉลองวันชาติโปแลนด์ร่วมกับเพื่อนๆ ชาวไทยของเราเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ด้วย”

นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจนับตั้งแต่มาถึงประเทศไทย

“ผมประทับใจกับความสำเร็จในหลาย ๆ ด้านของประเทศไทย โดยเฉพาะ พลังอันนุ่มนวล (Soft Power) ซึ่งผมกำลังพูดถึงความสำเร็จในระดับโลกอย่างแท้จริง ตัวอย่าง อาหาร การนวด หรือศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทยอันมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก ในความคิดของผม วัฒนธรรมไทยนั้น มีความเข้มแข็งซ่อนอยู่ภายในอย่างลึกซึ้ง”

 

รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน

Chanadda Jinayodhin