ตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีก พุ่งทะลุ! 430 ล้านปอนด์

บริษัทดีลอยต์ ผู้ให้บริการตรวจสอบบัญชี ได้รวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่ายในตลาดนักเตะของศึกพรีเมียร์ลีกในเดือนมกราคม

ปรากฏว่า

มีการทำลายสถิติในปี 2554 ที่ทำไว้ 225 ล้านปอนด์โดยขยับพุ่งสูงขึ้นเป็น 430 ล้านปอนด์

ข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับมูลค่าใช้จ่ายของทีมในพรีเมียร์ลีกเดือนมกราคมตั้งแต่ปี 2554 ที่อยู่ที่ 225 ล้านปอนด์ ปี 2555 อยู่ที่ 60 ล้านปอนด์ ปี 2556 อยู่ที่ 120 ล้านปอนด์ ปี 2557 อยู่ที่ 130 ล้านปอนด์ ปี 2558 อยู่ที่ 130 ปอนด์ ปี 2559 อยู่ที่ 175 ล้านปอนด์ ปี 2560 อยู่ที่ 215 ล้านปอนด์

จะเห็นได้ว่า ตลอด 7 ปี ส่วนใหญ่ตัวเลขจะอยู่ในระดับที่ไม่ต่างกันมาก แต่พอเข้าสู่ปี 2561 ตัวเลขกลับมากกว่าสถิติเดิมในปี 2554 เกือบเท่าตัว

นอกจากเรื่องมูลค่าการใช้จ่ายรวมแล้ว ยังมีเรื่องมูลค่าการใช้จ่ายช่วงเส้นตายของตลาดซื้อขาย วันที่ 31 มกราคมที่เพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ ช่วงเส้นตายเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 อยู่ที่ 135 ล้านปอนด์ ซึ่งมีดีลใหญ่เกิดขึ้น จากนั้นตั้งแต่ปี 2555-2556 อยู่ที่ 20, 35, 45, 40 และ 60 ล้านปอนด์

จนกระทั่งปี 2561 ที่พุ่งทะยานไปถึง 150 ล้านปอนด์ จากการโยกย้ายทีมของดาวดัง ปีแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง จากดอร์ตมุนด์สู่อาร์เซนอล 56 ล้านปอนด์ ลูคัส มูรา จากปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เปแอสเช) สู่ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 23 ล้านปอนด์ และโอลิวิเยร์ ซิรูด์ จากอาร์เซนอลสู่เชลซีที่ 18 ล้านปอนด์

แดน โจนส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลเรื่องธุรกิจกีฬาของดีลอยต์กล่าวถึงประเด็นค่าตัวนักฟุตบอลในปัจจุบันว่า สาเหตุที่ตลาดมูลค่านักฟุตบอลพุ่งสูงขึ้นมากกว่าปกติในฤดูกาลนี้ เริ่มตั้งแต่สถิติโลกของเนย์มาร์ นักฟุตบอลทีมชาติบราซิลที่ย้ายจากบาร์เซโลนาไปเปแอสเชด้วยสถิติโลก 196 ล้านปอนด์จนเกิดความปั่นป่วนเรื่องค่าตัวมาถึงปัจจุบัน

สโมสรในพรีเมียร์ลีกกลายเป็นทีมกระเป๋าหนักอันเนื่องมาจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่พุ่งสูงถึง 5,100 ล้านปอนด์