ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 มีนาคม 2561 |
---|---|
เผยแพร่ |
คอลัมน์เขย่าสนาม
ใครได้ดูการชกป้องกันตำแหน่งแชมเปี้ยนโลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ ของสภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) ระหว่างเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย “ไอ้แหลม” “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กับ ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า ผู้ท้าชิงรองอันดับ 1 ชาวเม็กซิกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คงสะใจไปตามๆ กันทั้งประเทศ
การป้องกันเข็มขัดแชมเปี้ยนโลกหนที่ 2 ของ” “ไอ้แหลม” หรือชื่อจริง “วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก” หนุ่มวัย 31 ปี ชาว ต.แต้ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จัดขึ้นที่เดอะฟอรัม เมืองอิงเกิลวู้ด นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เช้าวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตลอดการชก 12 ยก ศรีสะเกษแสดงให้เห็นว่าเป็นโคตรมวยในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตแห่ง พ.ศ. นี้อย่างแท้จริง ด้วยพลังหมัด พลังใจ พละกำลัง ความมุ่งมั่น เชิงมวยที่สวยงาม
ทำให้ชื่อของ “ไอ้แหลม” เข้าไปสะกดอยู่ใจแฟนมวยไม่เพียงแต่ชาวไทย แต่ชื่อเสียงของไอ้แหลมโด่งดังไปทั่วโลกในเวลานี้
ก่อนเดินทางไปป้องกันแชมป์ทีมงาน “นครหลวงโปรโมชั่น” ทราบดีอยู่แล้วว่า นี่จะเป็นไฟต์ประวัติศาสตร์ เป็นไฟต์ที่ทั่วโลกจับตามอง
จึงจับไอ้แหลมเคี่ยวเข็ญลงนวมซ้อมไปเต็มพิกัด 299 ยกตลอด 4 เดือนเต็ม ผนวกกับการวางแผนจากกุนซือมันสมองอย่าง “เสี่ยฮุย” “สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์” โปรโมเตอร์ใหญ่นครหลวงโปรโมชั่น ทั้งเรื่องน้ำหนัก สไตล์ชก ความฟิต มีแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม รองรับหากเกิดกรณีเพลี่ยงพล้ำผิดพลาดบนเวที
นั่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของทีมงาน” “นครหลวงโปรโมชั่น” ที่ต้องยกนิ้วในความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ก่อนชก ศรีสะเกษพกสถิติการชกสังเวียนผืนผ้าใบมาทั้งหมด 49 ไฟต์ ชนะ 44 (น็อก 40) แพ้ 4 เสมอ 1 ขณะที่เอสตราด้า ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิกัน ผ่านสังเวียนมาแล้ว 38 ไฟต์ ชนะ 36 (น็อก 25) แพ้ 2 ไฟต์
บนเวที ศรีสะเกษเป็นมวยซ้าย สไตล์ยืนมวยคล้าย เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกผู้โด่งดัง ส่วนผู้ท้าชิงรองแชมป์อันดับ 1 อย่างเอสตราด้า เป็นมวยขวา ทำให้ไฟต์นี้เป็นการชกที่ยากลำบากของทั้งคู่ เพราะอาวุธจะชนกัน อยู่ที่ใครจะเล่ห์เหลี่ยมเชิงมวยเหนือกว่ากัน ออกหมัดได้ดีกว่ากัน ชิงจังหวะการชกได้ดีกว่ากัน
ซึ่งก็เห็นกันตลอด 12 ยกว่า ไอ้แหลมทำได้ดีกว่า ดักต่อยบนสลับลำตัวได้อย่างหนักหน่วง
พลังหมัดของแชมเปี้ยนโลกชาวไทยหนักกว่า ส่วนเอสตราด้าได้เปรียบที่การออกหมัดไวกว่าศรีสะเกษ ทำให้การชกเมื่อมองด้วยสายตาแม้ว่าจะดูคู่คี่สูสี
แต่หากมองลึกๆ ถึงหมัดที่จะแจ้งนั้น แชมป์โลกของไทยเราทำได้ค่อนข้างดีกว่า หนักกว่า
ครบ 12 ยกต้องรวมคะแนนจากกรรมการ 3 คนของดับเบิลยูบีซี ปรากฏว่า ศรีสะเกษเอาชนะไปแบบไม่เอกฉันท์ 114-114, 115-113, 117-111
สตีฟ มอร์โรว์ กรรมการจากมุมสีขาว ให้ศรีสะเกษชนะ 117-111, เดฟ มอเร็ตติ กรรมการมุมน้ำเงิน ให้เสมอกันที่ 114-114, เคธีย์ เลียวนาร์ด ซึ่งเป็นกรรมการผู้หญิงจากมุมแดง ให้ศรีสะเกษชนะ 115-113
ทันทีที่ผลการชกออกมา เอสตราด้าออกอาการไม่เห็นด้วย พูดออกไมค์บนเวทีไม่เห็นด้วยกับคะแนนที่ออกมา เพราะมองว่าเขาควรเป็นผู้ชนะ
ธรรมชาติของมวย ถ้าไม่โกงกันแบบหน้าด้านๆ เวทีที่มวยต่อยกันแบบคู่คี่สูสีในสายตาแฟนมวย หรือเซียนมวยทั้งหลายนั้น เขาจะตัดสินด้วยการวัดกำลังภายใน หรือวงการมวยเรียกกันว่า” “สีเสื้อ” หรือ” “หน้าเสื่อ” ใครดีกว่ากัน
แต่กรณีของ “ศรีสะเกษ VS เอสตราด้า” คงไม่ต้องไปวัดกันถึงตรงนั้น
เพราะบนเวที 12 ยกก็ชัดเจน แจ่มแจ้งดีอยู่แล้วว่าเข็มขัดแชมเปี้ยนโลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ควรจะอยู่ที่เอวของฮีโร่แชมป์โลกของไทยอย่าง “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” ต่อไป
เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไฟต์นี้ไปทั่วโลกอย่าง “เอชบีโอ บ็อกซิ่ง” ทำการถามแฟนๆ ทั่วโลกผ่านทางทวิตเตอร์ ว่าใครสมควรเป็นผู้ชนะมากกว่ากันระหว่าง ศรีสะเกษ กับ เอสตราด้า ปรากฏว่า แฟน 58% โหวตให้ศรีสะเกษชนะ ขณะที่เอสตราด้าได้คะแนนโหวต 42%
ขณะที่สถิติการชกระหว่างศรีสะเกษกับเอสตราด้า พบว่า “ไอ้แหลม” ออกหมัดแบบต่อยเต็มแรงหรือต่อยเน้นๆ ได้มากกว่า โดยสถิติหลังการชกจาก” “คอมพิวบ็อกซ์” สถาบันจัดเก็บสถิติมวยสากล ระบุว่า ศรีสะเกษออกหมัดเพาเวอร์พันช์ หรือหมัดที่ต่อยแบบเต็มแรงมากกว่าเอสตราด้า ถึง 330 หมัด (ศรีสะเกษ 773 ครั้ง เอสตราดา 443 ครั้ง) ทำให้มีโอกาสเข้าเป้ามากกว่าคือ 186-147 หมัด ซึ่งห่างกัน 39 หมัด
แต่หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เข้าเป้า จะกลายเป็นเอสตราด้าที่ทำได้ดีกว่า 33% ต่อ 24%
“อาเมียร์ ข่าน” ยอดกำปั้นชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถานที่ได้เข้าชมไฟต์หยุดโลกดังกล่าว ระบุว่า เป็นไฟต์ที่สุดยอดมากๆ โดยเฉพาะเกมการชกในยกสุดท้าย เป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆ กับการยืนแลกหมัดกันตลอดทั้งยก
นักมวยจากไทยสมควรเป็นผู้ชนะ แต่อาจจะเบียดกันแค่ 1-2 ยก มันเป็นการต่อสู้ที่สูสีกันมาก
แต่ก็ยังยืนยันว่ากำปั้นไทยสมควรชนะในไฟต์นี้ ถ้าจะมีการข้องใจกันก็รีแมตช์ซึ่งคิดว่าเป็นความคิดที่ดี ที่สองนักสู้ที่ดีที่สุดของโลกในรุ่นนี้จะมาเจอกันอีกครั้ง เชื่อว่าแฟนกำปั้นก็คงอยากเห็น
ด้านคู่ปรับเก่าของศรีสะเกษ อย่าง “โรมัน กอนซาเลซ” อดีตแชมป์โลกชาวนิการากัว ที่โดนศรีสะเกษถลุงน็อกเมื่อไฟต์ก่อนออกมาระบุว่า เป็นไฟต์ที่ยากลำบาก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเอสตราด้าชนะ เขาชกทำแต้มได้ค่อนข้างดี รวมถึงการเคลื่อนไหวและหลบหลีก เพราะเขารู้ดีว่าถ้าอยู่เฉยๆ ต้องโดน (ศรีสะเกษ) น็อกแน่
แต่การชกครั้งนี้ เอสตราด้าทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งการก้าวขาและออกหมัด
ส่วนศรีสะเกษ ไฟต์นี้ออกหมัดได้ไม่ดีนัก ไม่เห็นพลังหมัด และเขาก็ต่อยพลาดเยอะมาก การตัดสินที่ไม่เป็นธรรมคือสิ่งเดียวกับที่ตนเคยเจอ มันเป็นความน่าเศร้าของวงการมวย
อีกด้านหนึ่ง “ไอ้งูเหลือม” “ดอนนี่ เนียเตส” แชมป์รุ่นฟลายเวต สหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบีเอฟ) ชาวฟิลิปปินส์ ออกมาประกาศว่า พร้อมชนกับพวกเสือ-สิงห์ในรุ่น 115 ปอนด์ ไฟต์ต่อไปขอเจอ โรมัน กอนซาเลซ อดีตนักชกอันดับ 1 โลกชาวนิการากัว
และอยากท้าชิงแชมป์โลกจาก ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เพราะมั่นใจว่าจะพิชิตแชมป์โลกชาวไทยได้แน่นอน
เมื่อผ่านการป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกไฟต์บังคับไปแล้ว ไฟต์ต่อไปของศรีสะเกษ ว่ากันว่ามีสิทธิ์จะเจอกับนักชกคนใดก็ได้ในอันดับ 1-10 ในรุ่นนี้ของดับเบิลยูบีซี แต่ทางด้าน “ทอม ลอฟฟ์เลอร์” โปรโมเตอร์ 360 โปรโมชั่น ได้พูดคุยกับเอชบีโอ ผู้ถ่ายทอดสดไฟต์ที่ผ่านมา เตรียมแผนจัดศึกซูเปอร์ฟลาย 3 ที่สังเวียนเดิม เดือนกันยายน 2561
เท่ากับว่า ศรีสะเกษจะไปต่อยที่สหรัฐอเมริกาเป็นไฟต์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยจะเป็นคู่เอก ด้วยการให้เอสตราด้ามาชกแก้มือ ตามกระแสเรียกร้องของวงการมวยโลก
“เสี่ยฮุย” “สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์” ผู้จัดการของศรีสะเกษ บอกว่า โอกาสรีแมตช์กับเอสตราด้ามีความเป็นไปได้สูง แต่ในใจอยากให้ศรีสะเกษป้องกันแชมป์ในเมืองไทยอีกสักไฟต์ก่อน
“ไอ้แหลม” บอกว่า พอใจฟอร์มการชกของตัวเอง และคิดว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง หากเอสตราด้าจะขอรีแมตช์ก็พร้อมเพราะไม่กลัวใครอยู่แล้วในรุ่นนี้ พร้อมเจอได้หมดทุกคน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ใหญ่
นี่คือ “ไอ้แหลม” “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” โคตรมวยตัวจริงเสียงจริงแห่ง พ.ศ. นี้
นี่คือแชมเปี้ยนโลกขวัญใจชาวไทย…อย่างแท้จริง…