เด็กเก็บบอล : “วินเตอร์เทสต์” โหมโรงใหญ่ก่อนระเบิดศึก “โมโตจีพี”

คอลัมน์เขย่าสนาม

เรียกได้ว่าจบลงไปอย่างสวยงามสำหรับการทดสอบสนามแข่งขันใหม่ของบรรดาสิงห์นักบิดระดับโลกใน “โมโตจีพี วินเตอร์เทสต์” ที่ “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นี่นับเป็นการโหมโรงก่อนที่จะนับถอยหลัง 8 เดือนเข้าสู่การแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “โมโตจีพี” ที่จะระเบิดศึกที่ประเทศไทยเดือนตุลาคมนี้ ในชื่อ” “พีทีที ไทยแลนด์ กรังปรีซ์””

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-18 กุมภาพันธ์) เราได้เห็นนักบิดระดับโลกไม่ว่าจะเป็น “วาเลนติโน่ รอสซี่” แชมป์โลก 9 สมัยจากทีมโมวิสตาร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี หรือแชมป์โลกที่มาแรงที่สุดในเวลานี้อย่าง “มาร์ก มาร์เกวซ” จากเรปโซล ฮอนด้า ทีม ตบเท้าเดินทางเข้ามาทดสอบสนามที่จะถูกใช้เป็นสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการปีแรกกันแบบฟูลทีม

จริงอยู่แม้ว่าจะเป็นการทดสอบสนามเท่านั้น ยังไม่ใช่การแข่งขันจริงๆ

แต่บรรดานักบิดระดับโลกที่มาต่างจัดเต็ม หลายคนทำท็อปสปีดทะลุสถิติสนามกันเป็นว่าเล่น

สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับบรรดาแฟนมอเตอร์สปอร์ตที่เข้ามาชมในสนาม

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อไม่ใช่ช่วงแข่งขันจริง ทุกคนต่างอยากทดสอบรถ ทดสอบสมรรถนะของอาวุธคู่ใจตัวเองให้เต็มที่

อีกทั้งยังไม่มีกฎ หรือว่าทีมงานมาเข้มงวดกับการขับขี่มากนัก ทำให้ทุกคนนั้นจัดเต็มกันได้แบบไม่มียั้ง

นับว่าเป็นกำไรของคนดูโดยแท้

สําหรับสถิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสนามในช่วงวินเตอร์เทสต์นั้น มีทั้งสถิติความเร็วท็อปสปีดสูงสุด ซึ่งตกเป็นของ “อันเดรีย โดวิซิโอโซ่” นักบิดหนุ่มจากทีมดูคาติ ที่กดไปได้ 334.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ความเร็วต่อรอบสูงสุดนั้นตกเป็นของ “ดานี เปโดรซ่า” นักบิดจากทีมเรปโซล ฮอนด้า ทีม ที่กดไปได้ 1.29.781 นาที

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินความเห็นเกี่ยวกับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จากนักแข่งระดับโลกอย่างวาเลนติโน่ รอสซี่ ว่าสนามแห่งนี้นั้นไม่ค่อยมีความท้าทายเท่าไหร่นัก และตัวเขาไม่เห็นด้วยที่จะเลือกสนามแห่งนี้เป็นสนามแข่งขันโมโตจีพี

แต่ทว่าหลังจากได้มาลองจริงจังนั้น รอสซี่ก็เปลี่ยนความคิดเขาใหม่ ซึ่งเขายอมรับเลยว่าสนามแห่งนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ แถมยังมีสภาพสนามและการยึดเกาะที่ดีเอามากๆ ขณะที่ในทางเทคนิคนั้นเหมือนสนามจะดูง่าย แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อแบบที่เคยปรามาสเอาไว้ด้วย

“ผังของสนามคล้ายกับที่ออสเตรียซึ่งผมกังวลมากในตอนแรก แต่เมื่อได้ขี่จริงผมคิดว่าน่าจะเหมือนกับที่อาร์เจนตินา มันดีสำหรับการขี่ ผมรู้สึกดีและสนุกไปกับมัน ไม่ยากเกินไป ซึ่งผมสามารถขี่รถได้ดีเมื่อเทียบกับที่แทร็กออสเตรีย” นักบิดเจ้าของฉายา “เดอะ ด็อกเตอร์” กล่าวเอาไว้

ขณะที่นักบิดแชมป์โลกในปีที่ผ่านมาอย่างมาร์เกวซนั้น สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ในการทดสอบวันที่สอง ในระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 1.29.969 นาที พร้อมกับเอ่ยชื่นชมสนามแห่งนี้เป็นอย่างมาก พร้อมกับยกว่านี่เป็นสนามที่เข้าทางเขามากที่สุดแห่งหนึ่ง

และเชื่อว่าจะสามารถทำผลงานดีที่ในช่วงแข่งขันจริงได้

 

หลังจากที่สนามได้รับคำชมจากนักแข่งที่มาทดสอบเป็นอย่างมาก “โอ๊ต” “ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์” กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เล่าให้ฟังหลังจากที่ได้ประชุมกับทีมงานของสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ (เอฟไอเอ็ม) ว่า เป็นสนามที่ดีและมีมาตรฐานดี ในส่วนที่ต้องปรับปรุงนั้นมีเพียงเรื่องของโค้ง 11 ก่อนเข้าพิต ที่ต้องปรับให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อที่จะไม่ต้องใช้องศาในการเลี้ยวมากเกินไปเท่านั้น

เอาจริงๆ ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 8 เดือน เรื่องของมาตรฐานสนามแข่งขัน หรือว่าฟีดแบ๊กของนักแข่งที่จะมาแข่งขันว่าถูกใจหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว ประเด็นน่าจะอยู่ที่การทำอย่างไรให้คนสนใจเข้ามาชมโมโตจีพีกันแบบเต็มสนามมากกว่า

ไม่ว่าจะเป็นตัวจังหวัดบุรีรัมย์ หรือทางด้านของการกีฬาแห่งประเทศไทย ผู้เป็นโต้โผใหญ่ในการดึงรายการระดับโลกนี้เข้ามาที่ประเทศไทย ต่างพยายามโปรโมตการแข่งขันให้เป็นที่รู้จัก

ในช่วงวินเตอร์เทสต์ที่ผ่านมา การกีฬาแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับหลายๆ หน่วยงาน จัดคาราวานบิ๊กไบก์ โดย “บิ๊กเสือ” “สกล วรรณพงษ์” ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นผู้นำขบวนด้วยตัวเอง ออกเดินทางจาก กกท. มาถึงจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งรวมๆ แล้วมีบิ๊กไบก์ราว 1 พันคัน เข้าร่วมขบวนนี้

ขณะที่เจ้าภาพอย่างบุรีรัมย์ ก็จัดงานเอ็กซ์โป หน้าสนามแข่งขัน ให้ทั้งคนที่ทั้งเข้ามาชม หรือให้ความสนใจนั้น ได้เข้ามาซึมซับบรรยากาศของมอเตอร์สปอร์ตอย่างใกล้ชิด

อีกทั้งแต่ละบู๊ธยังจัดเต็มให้กับแฟนๆ โดยเฉพาะฮอนด้า ที่นำเอา 2 นักบิดคนสำคัญของทีมอย่าง มาร์ก มาร์เกวซ และดานี่ เปโดรซ่า มาใกล้ชิดกับแฟนๆ แบบที่หาโอกาสแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ

ถ้าหากจะถามว่าตอนนี้กระแสของโมโตจีพีเป็นอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่ได้รับการยืนยันจากตนัยศิริมาได้คือ กระแสโมโตจีพีนั้นจัดได้ว่ามาแรงมาก จนถึงขั้นว่าโรงแรมในจังหวัดบุรีรัมย์ รวมไปถึงจังหวัดสุรินทร์นั้นถูกจองจนเต็มหมดในช่วงแข่งขันเป็นที่เรียบร้อย รวมไปถึงบัตรเข้าชมการแข่งขันบนแกรนด์สแตนด์ ก็เต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกเหนือจากเรื่องของการแข่งขันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการทำอย่างไรให้ประเทศไทยได้ประโยชน์จากการแข่งขันครั้งนี้ มากกว่าความสนุกสนาน

“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้ว่า การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศไทยนั้นจะได้ต้อนรับผู้คนราวแสนคนที่เข้ามาในประเทศ ซึ่งจะต้องทำให้พวกเขาซึมซับวัฒนธรรมของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการสื่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้คนอีก 800 ล้านคนทั่วโลกได้เห็น และเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย

ขณะที่ “เนวิน ชิดชอบ” ประธานบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด มองว่าไม่ควรใช้ประโยชน์ของการแข่งขันเพียงแค่วันที่แข่งขันเท่านั้น แต่จะต้องทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทย และเดินทางมาท่องเที่ยวให้มากที่สุด

ส่วนตัวผู้เขียน ได้เดินทางไปชมวินเตอร์เทสต์ที่สนามมาด้วยตัวเอง ก็ต้องยอมรับเลยว่าเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นการแข่งขันที่น่าติดตามไม่ใช่น้อย