จาก ‘ฟีฟ่า คองเกรส’ สู่ ‘เวิลด์คัพ’ ฝันไทยสู่จุดหมายปลายทางฟุตบอล

นับเป็นอีเวนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดนอกสนามฟุตบอล ซึ่งปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยอย่างยิ่งใหญ่ ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) “ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 15-17 พฤษภาคมที่ผ่านมา

“ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74” ต่างได้รับคำชื่นชมจากแขกผู้มีเกียรติ รวมทั้งผู้บริหารในวงการฟุตบอลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นคีย์แมน บอร์ดบริหาร อดีตนักเตะดังทั่วโลกที่มาร่วมงาน เพราะศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แห่งนี้เคยจัดงานใหญ่ระดับประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ “เอเปค 2022” มาแล้ว

ครั้งนี้จึงถือเป็นงานใหญ่อีกครั้งของประเทศไทย ซึ่งได้โอกาสสร้างชื่อเสียงบนแผ่นดินสยามปักหมุดในวงการลูกหนังโลก

พร้อมกับเป็นการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการจัดอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกได้อย่างยิ่งใหญ่ และสร้างความประทับใจกับสุดยอดผู้นำแห่งวงการฟุตบอลที่มารวมตัวกันที่นี่

 

การประชุมมีผู้บริหาร และผู้ติดตามของฟีฟ่า, อดีตนักฟุตบอลระดับโลก รวมถึงผู้แทนสมาคม และสมาพันธ์ที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า 211 ประเทศทั่วโลก ร่วมงานกว่า 3,000 คน นำโดย จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า, ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คอลิฟา ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี), อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า), อาแซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อลที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่า

สำหรับประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพนำโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เริ่มต้นโปรเจ็กต์มาตั้งแต่ยุคของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมคนเก่า ก่อนสานต่อมายัง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมคนปัจจุบัน

พร้อมด้วยฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์คือ “โจ” พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคม จนงานถูกเนรมิตรออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยแรงสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

จึงสมกับเป็นอีเวนต์นอกสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลโลก

 

ในส่วนสาระสำคัญของการประชุมวันแรกเป็นการประชุมเอเอฟซี ซึ่งอินฟานติโน่ ประกาศว่า สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำคือเรื่องของความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะกีฬาฟุตบอลทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ใช้พลังของฟุตบอลมาทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียวกัน องค์กรฟุตบอลจะทำงานร่วมกันเพื่อเด็กและเยาวชน ทำให้พวกเขาได้สนุกกับกีฬาฟุตบอล มีความสุขร่วมกัน

เอเอฟซียังได้ประกาศการแข่งขันระดับสโมสรใหม่อย่างเป็นทางการ 4 รายการ ที่จะเริ่มแข่งขันในฤดูกาล 2024/2025

ได้แก่ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2, เอเอฟซี ชาแลนจ์ลีก และเอเอฟซี วีเมนส์ แชมเปี้ยนส์ลีก โดยประเทศไทยได้โควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิต 1 ทีมรอบแบ่งกลุ่ม และ 1 ทีมรอบคัดเลือก, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2 1 ทีม และเอเอฟซี วีเมนส์ แชมเปี้ยนส์ลีก 1 ทีมเล่นรอบคัดเลือก

ไฮไลต์อยู่ที่การประชุมวันที่สอง วาระสำคัญคือ การโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2027 โดยมี 2 กลุ่มที่เสนอตัว ประกอบด้วย กลุ่มประเทศยุโรป เบลเยียม, เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ และอีกหนึ่งประเทศคือ บราซิล

ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีการโหวตให้บราซิล เป็นเจ้าภาพฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2027 เป็นครั้งแรกของบราซิลที่ได้จัดฟุตบอลโลกหญิง และทำให้ฟุตบอลหญิงโลก ได้จัดที่ทวีปอเมริกาใต้ เป็นครั้งแรก

รวมถึงยังมีการประกาศ 5 เสาหลัก ห้ามเหยียดเชื้อชาติ หรือเหยียดผิวในวงการฟุตบอลอีกต่อไป

 

กิจกรรมต่อมา จานนี่ อินฟานติโน่ ร่วมพิธีเปิดอาคารทำการของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ

ต่อด้วยกิจกรรม “ฟุตบอลไร้พรมแดน Football without Boundaries” เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยจะได้เรียนรู้และฝึกฟุตบอลกับตำนานนักเตะนำโดย ซามี เคดิร่า อดีตกองกลางแชมป์โลกทีมชาติเยอรมนี, มิกาเอล ซิลแวสตร์ กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส, ยูริ จอร์เกฟฟ์ อดีตแนวรุกทีมชาติฝรั่งเศส

นอกจากนี้ ยังมีนักเตะไทยนำโดย “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, สารัช อยู่เย็น, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, บดินทร์ ผาลา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธีรเทพ วิโนทัย, ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, กาญจนา สังข์เงิน, ณัฐกานต์ ชินวงษ์ ร่วมติวเข้มทักษะลูกหนังให้กับเยาวชนอีกด้วย

 

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ได้รับเกียรติกล่าวต้อนรับฟีฟ่า พร้อมด้วยประธานองค์กรฟุตบอล จาก 6 ทวีป และตัวแทนจาก 211 ประเทศสมาชิก ที่เข้าร่วมประชุมฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจระบุว่า

นี่ถือเป็นความภาคภูมิใจ และยินดีอย่างมากสำหรับเรา ที่ได้รับเลือกจากฟีฟ่าในการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมนอกสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟีฟ่า มีความยินดีเป็นอย่างมากที่ฟีฟ่าได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และเสียสละ ในการเพิ่มความหลากหลาย และเท่าเทียมกันในกีฬาที่เรารัก และได้มอบโอกาสการเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ให้กับประเทศไทย

“นี่เป็นโอกาสกันดีที่เราได้มารวมตัวกัน เชื่อมต่อกัน และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อปรับตัวเข้าหากัน และเดินหน้าสู่ความเป็นหนึ่ง เพราะเราเชื่อว่าแต่ละชาติที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ต่างมีอัตลักษณ์ มีประวัติศาสตร์ ที่แตกต่างกัน และหลังจากมีโอกาสได้ร่วมประชุมในหลายครั้งที่ผ่านมา พูดจากก้นบึ้งของหัวใจได้ว่า ฟีฟ่าได้มีจุดมุ่งหมายที่จะรวมโลกของฟุตบอลเข้าหากันอย่างแท้จริง ฟุตบอลถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทรงพลังสำหรับเรา และมีความเชื่อว่า ฟุตบอล ณ ตอนนี้เป็นมากกว่ากีฬา เพราะฟุตบอลคือวิถีชีวิต ที่สามารถนำสันติภาพ และยกระดับชีวิตของคนได้”

มาดามแป้งกล่าวทิ้งท้ายว่า สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะได้รับความอบอุ่น และการต้อนรับที่น่าประทับใจในการเดินทางมาประชุมในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนเดินทางกลับจากประเทศไทย ด้วยความสุข, รอยยิ้ม และความทรงจำ

หวังว่าประเทศไทยจะได้รับการยอมรับมากขึ้นในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญ อย่างเช่นการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในอนาคต

 

ผ่านพ้นไปอย่างยิ่งใหญ่ และประทับใจคนวงการลูกหนังทั่วโลกที่ได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุม “ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74”

ซึ่งถือเป็นเวทีในการโชว์ศักยภาพครั้งสำคัญของประเทศไทยให้ทั่วโลกได้เห็น

และจะถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ต่อไป

รวมทั้งความฝันกับการไปสู่การเป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย… •

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]