ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 สิงหาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
เรียกว่าเป็นข่าวช็อกวงการกีฬาและวงการบันเทิงระดับโลกในรอบสัปดาห์ เมื่อเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจที่นำไปสู่ภาพยนตร์ระดับคว้ารางวัลออสการ์ โดนแฉว่าเรื่องจริงอาจไม่ได้สวยงามขนาดนั้น
ย้อนไปเมื่อปี 2009 แฟนหนังทั่วโลกได้รู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง The Blind Side ซึ่งสร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษยธรรม ความรัก และการมอบโอกาสโดยก้าวข้ามเรื่องสีผิว
The Blind Side เป็นเรื่องราวชีวิตของ ไมเคิล ออร์ อดีตเด็กกำพร้าผิวดำจากเทนเนสซีที่ก้าวไปเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลตำแหน่งออฟเฟนซีฟ แท็กเกิล ดีกรีแชมป์ซูเปอร์โบว์ลซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของวงการคนชนคน
ออร์ได้รับอุปการะจากครอบครัว ทูอี้ สามีภรรยาฐานะดีที่ช่วยสนับสนุนและผลักดันจนเขากลายเป็นนักกีฬาดาวเด่นระดับมหาวิทยาลัย ก่อนก้าวสู่ลีกเอ็นเอฟแอลกับทีม บัลติมอร์ เรฟเว่นส์ ในปี 2009
หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันที่แต่งโดยนักเขียน นักข่าว และอดีตเพื่อนเรียนของคุณพ่อของครอบครัวทูอี้ บอกเล่าเรื่องราวของออร์และ ลีห์ แอนน์ (รับบทโดยดาราดัง ซานดรา บุลล็อก) แม่ของครอบครัวทูอี้ที่มีบทบาทสำคัญในฐานะที่พึ่งทางใจและผลักดันให้ออร์มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ค้นพบพรสวรรค์จนก้าวไปเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จของ The Blind Side ทำให้บุลล็อกคว้ารางวัลออสการ์ดารานำหญิงยอดเยี่ยม ขณะที่ตัวหนังได้เข้าชิงรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม
ส่วนครอบครัวทูอี้ โดยเฉพาะลีห์ แอนน์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากสังคม ลีห์ แอนน์ ได้รับเชิญให้เดินสายไปบรรยายเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ และการจุดประกายให้คนที่ด้อยโอกาส
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หรือ 14 ปีหลังความสำเร็จของ The Blind Side ออร์ได้ให้ตัวแทนด้านกฎหมายยื่นฟ้องร้องครอบครัวทูอี้โดยกล่าวหาว่าหนังฮอลลีวู้ดเรื่องดังสร้างขึ้นจากคำโกหก
เอกสารคำฟ้องความยาว 26 หน้าของออร์ซึ่งปัจจุบันอายุ 37 ปี ระบุว่า ครอบครัวทูอี้นำเอกสารมาให้เขาเซ็นหลังวันเกิดอายุ 18 ปีไม่นาน โดยหลอกว่าเป็นการรับบุตรบุญธรรม แต่แท้จริงแล้วเป็นเอกสารผู้ดูแลทรัพย์สินที่ให้สิทธิสามีภรรยาทูอี้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของออร์ และได้ส่วนแบ่งจากความสำเร็จของหนัง 225,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกเหนือจากรายได้ 2.5 เปอร์เซ็นต์จากรายได้รวมของหนัง โดยที่ตัวออร์ไม่ได้อะไรเลย
เอกสารยังบอกด้วยว่า ออร์รู้สึกไม่ดีที่หนังถ่ายทอดภาพของเขาออกมาในลักษณะของเด็กหัวช้า มีปัญหาเรื่องพัฒนาการ ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์และอาชีพของเขา
ฝั่งครอบครัวทูอี้หลังโดนฟ้องร้อง ก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ช็อกกับการฟ้องร้องดังกล่าวและปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าเอา “ลูก” ของตัวเองมาหากิน ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “เรายังคงรักไมเคิลในวัย 37 ปี ไม่ต่างจากที่รักเขาตอนอายุ 16 ปี”
เนื่องจากคดีความเพิ่งเริ่มต้น จึงต้องติดตามกันยาวๆ ว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร หรือจะมีข้อมูลพลิกล็อกเพิ่มเติมอีกหรือไม่
แต่การออกมาเคลื่อนไหวของออร์ก็คล้ายเป็นการเตือนสติหลายๆ คนว่า ชีวิตจริงนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนในหนัง
ต่อให้เป็นหนังที่อ้างว่าสร้างจากชีวิตจริงก็ตาม! •
Technical Time-Out | SearchSri
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022