เหรียญสองด้าน ของ The Blind Side

FILE - Baltimore Ravens offensive tackle Michael Oher sits on the beach during the first half of an NFL football game against the Buffalo Bills in Baltimore, Sunday, Oct. 24, 2010. Michael Oher, the former NFL tackle known for the movie “The Blind Side,” filed a petition Monday in a Tennessee probate court accusing Sean and Leigh Anne Tuohy of lying to him by having him sign papers making them his conservators rather than his adoptive parents nearly two decades ago.(AP Photo/Nick Wass, File)

เรียกว่าเป็นข่าวช็อกวงการกีฬาและวงการบันเทิงระดับโลกในรอบสัปดาห์ เมื่อเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจที่นำไปสู่ภาพยนตร์ระดับคว้ารางวัลออสการ์ โดนแฉว่าเรื่องจริงอาจไม่ได้สวยงามขนาดนั้น

ย้อนไปเมื่อปี 2009 แฟนหนังทั่วโลกได้รู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง The Blind Side ซึ่งสร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษยธรรม ความรัก และการมอบโอกาสโดยก้าวข้ามเรื่องสีผิว

The Blind Side เป็นเรื่องราวชีวิตของ ไมเคิล ออร์ อดีตเด็กกำพร้าผิวดำจากเทนเนสซีที่ก้าวไปเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลตำแหน่งออฟเฟนซีฟ แท็กเกิล ดีกรีแชมป์ซูเปอร์โบว์ลซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของวงการคนชนคน

ออร์ได้รับอุปการะจากครอบครัว ทูอี้ สามีภรรยาฐานะดีที่ช่วยสนับสนุนและผลักดันจนเขากลายเป็นนักกีฬาดาวเด่นระดับมหาวิทยาลัย ก่อนก้าวสู่ลีกเอ็นเอฟแอลกับทีม บัลติมอร์ เรฟเว่นส์ ในปี 2009

หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันที่แต่งโดยนักเขียน นักข่าว และอดีตเพื่อนเรียนของคุณพ่อของครอบครัวทูอี้ บอกเล่าเรื่องราวของออร์และ ลีห์ แอนน์ (รับบทโดยดาราดัง ซานดรา บุลล็อก) แม่ของครอบครัวทูอี้ที่มีบทบาทสำคัญในฐานะที่พึ่งทางใจและผลักดันให้ออร์มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ค้นพบพรสวรรค์จนก้าวไปเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จของ The Blind Side ทำให้บุลล็อกคว้ารางวัลออสการ์ดารานำหญิงยอดเยี่ยม ขณะที่ตัวหนังได้เข้าชิงรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม

ส่วนครอบครัวทูอี้ โดยเฉพาะลีห์ แอนน์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากสังคม ลีห์ แอนน์ ได้รับเชิญให้เดินสายไปบรรยายเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ และการจุดประกายให้คนที่ด้อยโอกาส

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หรือ 14 ปีหลังความสำเร็จของ The Blind Side ออร์ได้ให้ตัวแทนด้านกฎหมายยื่นฟ้องร้องครอบครัวทูอี้โดยกล่าวหาว่าหนังฮอลลีวู้ดเรื่องดังสร้างขึ้นจากคำโกหก

เอกสารคำฟ้องความยาว 26 หน้าของออร์ซึ่งปัจจุบันอายุ 37 ปี ระบุว่า ครอบครัวทูอี้นำเอกสารมาให้เขาเซ็นหลังวันเกิดอายุ 18 ปีไม่นาน โดยหลอกว่าเป็นการรับบุตรบุญธรรม แต่แท้จริงแล้วเป็นเอกสารผู้ดูแลทรัพย์สินที่ให้สิทธิสามีภรรยาทูอี้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของออร์ และได้ส่วนแบ่งจากความสำเร็จของหนัง 225,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกเหนือจากรายได้ 2.5 เปอร์เซ็นต์จากรายได้รวมของหนัง โดยที่ตัวออร์ไม่ได้อะไรเลย

เอกสารยังบอกด้วยว่า ออร์รู้สึกไม่ดีที่หนังถ่ายทอดภาพของเขาออกมาในลักษณะของเด็กหัวช้า มีปัญหาเรื่องพัฒนาการ ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์และอาชีพของเขา

ฝั่งครอบครัวทูอี้หลังโดนฟ้องร้อง ก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ช็อกกับการฟ้องร้องดังกล่าวและปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าเอา “ลูก” ของตัวเองมาหากิน ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “เรายังคงรักไมเคิลในวัย 37 ปี ไม่ต่างจากที่รักเขาตอนอายุ 16 ปี”

เนื่องจากคดีความเพิ่งเริ่มต้น จึงต้องติดตามกันยาวๆ ว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร หรือจะมีข้อมูลพลิกล็อกเพิ่มเติมอีกหรือไม่

แต่การออกมาเคลื่อนไหวของออร์ก็คล้ายเป็นการเตือนสติหลายๆ คนว่า ชีวิตจริงนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนในหนัง

ต่อให้เป็นหนังที่อ้างว่าสร้างจากชีวิตจริงก็ตาม! •

 

Technical Time-Out | SearchSri