“ทักษิณ-คุณหญิงอ้อ” สู่ “อุ๊งอิ๊ง” สายเลือดนักสู้ สมัยทำงานแมคโดนัลด์

Former Thai Prime Minister Thaksin Shinawatra (R) and his wife Pojaman (L) celebrate their youngest daughter Paethongtan's (C) graduation from Chulalongkorn University in Bangkok on July 10, 2008. Thaksin has scaled Thailand's rich list despite having two billion dollars in assets frozen while he stands trial for corruption, Forbes revealed. AFP PHOTO (Photo by AFP)

หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่  2 เม.ย. 2547 คอลัมน์ X คลูซีฟ โดย สรกล อดุลยานนท์

 

อาจเป็นเพราะประสบการณ์ในวัยหนุ่มสาวของ “ทักษิณ ชินวัตร” และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เมื่อครั้งที่ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา

ทำให้ทั้งคู่ยอม “ไฟเขียว” ให้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ไปทำงานแบบ “พาร์ตไทม์” ที่ร้านแม็คโดนัลด์

กลายเป็น “ข่าวใหญ่” ในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ

“ทักษิณ” นั้นมีประสบการณ์การทำงานในร้านฟาสต์ฟู้ดเมื่อไปเรียนต่อระดับปริญญาโทและเอกในต่างประเทศ

ตอนไปเรียนปริญญาโท เขาอยากได้รถสปอร์ตไว้ขับเล่น จึงต้องหา “จ๊อบ” เป็นทั้งบ๋อยโรงแรมแบกถาดบริการลูกค้า ผู้ช่วยกุ๊ก พนักงานร้านเคนตั๊กกี้ ฟรายชิกเก้น

แต่เมื่อไปเรียนต่อปริญญาเอก พร้อมกับพา “พจมาน” ในสถานะภรรยาคู่ชีวิตไปด้วย ทั้งคู่ก็ต้องหางานอื่นทำด้วย

“ทักษิณ” ต้องส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านทุกเช้า

“คุณอ้อ” ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ก่อนจะเปลี่ยนมาทำงานที่ “เบอร์เกอร์คิง” เป็นพนักงานยืนหน้าเคาน์เตอร์ และพนักงานขายของที่ห้างฟอเลย์ ดีพาร์ตเม้นต์สโตร์

ประสบการณ์ในช่วงเวลานั้นกลายเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของ “ทักษิณ” ที่เล่าให้คนใกล้ชิดฟังเป็นประจำ

และหนึ่งในนั้น ก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวสุดที่รักของ “ทักษิณ”

“แพทองธาร” เป็นลูกสาวคนสุดท้องมีชื่อเล่นว่า “อิ๊ง” แต่ที่บ้านจะเรียกกันว่า “อุ๊งอิ๊ง”

เธอเป็นลูกสาวที่มีใบหน้าคล้าย “ทักษิณ” มากที่สุด

เป็นลูกสาวที่ “ทักษิณ” รักและกลัวที่สุด

เป็นลูกสาวที่ “ทักษิณ” เคยบอกว่ามีความสนใจทางการเมืองมากที่สุด

เมื่อ “อิ๊ง” ฟังประสบการณ์ทำงานตอนสมัยหนุ่มสาวของ “ทักษิณ” เธอก็เกิดแรงบันดาลใจอยากจะทำงานเช่นนั้นบ้าง

อย่าลืมว่า “ทักษิณ” นั้นมีแนวคิดอยากให้เยาวชนไทยหางานทำในช่วงปิดเทอม

มีการผลักดันให้กระทรวงศึกษาธิการริเริ่มโครงการนี้ และชักชวนให้เอกชนเข้าร่วมโครงการ

เมื่อ “ผู้นำ” คิด “ผู้นำ” ก็ควรจะทำเป็นตัวอย่าง

นั่นคือ เหตุผลหนึ่งนอกเหนือจากแรงบันดาลใจส่วนตัวของ “อุ๊งอิ๊ง” หลังจากฟังคุณพ่อเล่าประสบการณ์สมัยเรียนต่อต่างประเทศ “แมคโดนัลด์” ของ “เดช บุลสุข” ที่ “ทักษิณ” คุ้นเคยจึงเป็นเป้าหมายการฝึกงานของ “อุ๊งอิ๊ง”

แม้จะอยู่ในช่วงที่ “มรสุมเอ็นทรานซ์” พัดกระหน่ำ แต่ “อิ๊ง” ก็ไม่ได้หวั่นไหว

เธอและเพื่อนจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยอีก 10 คนกระจายกันทำงานในร้านแมคโดนัลด์ 2 สาขา

ที่สาขาดิสคัฟเวอรี่ มี “อิ๊ง” กับเพื่อนอีก 4 คน

ส่วนที่สาขาโซโก้ จะเป็นเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่ง

ในวันแรกที่ไปทำงาน “อิ๊ง” ค่อนข้างตื่นเต้นและสนุกตามประสาวัยรุ่น

เป็นครั้งแรก ที่เธอต้องกลายเป็น “บุคคลสาธารณะ” ที่สื่อมวลชนทุกแขนงทั้งในและนอกประเทศเฝ้าสังเกตการณ์

กิจกรรมช่วงปิดเทอมครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยกว่า 10 คน

แม้แต่ระหว่างที่เข้าห้องน้ำ ก็ยังมีคนตามไปดูแลด้วย

ทาง “แมคโดนัลด์” เองก็ต้องส่ง “สมฤดี ดีวรรณวงศ์” ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์มาคอยดูแลประสานงานกับนักข่าว บรรยากาศในร้านค่อนข้างคึกคัก เพราะนอกจากกองทัพ รปภ. และนักข่าวแล้ว

ยังมีลูกค้าปกติและไม่ปกติแวะเวียนเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง

หลายคนต้องการดูหน้าลูกสาวนายกฯ

แต่บางคนก็มีเจตนามากกว่านั้น อย่างกลุ่มนักเรียนชายวัยเดียวกันกับ “อิ๊ง” จากโรงเรียนอัสสัมชัญกลุ่มหนึ่งที่พยายามชะโงกดูหน้า พนักงานนามสกุล “ชินวัตร”

ด้วยอารมณ์อยาก “กิ๊ก”

“อิ๊ง” นั้นมีอัธยาศัยดีมากจนหลายฝ่ายชมเชย เธอจะยิ้มทักทายกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ในทุกเรื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสอบ “เอ็นทรานซ์”

คำถามนี้เป็นคำถามต้องห้ามที่ผู้บริหารของ “แมคโดนัลด์” ขอร้องนักข่าวเป็นพิเศษว่า “ห้ามถาม”

“แมคโดนัลด์” นั้นเป็นร้านฟาสต์ฟู้ดที่มีหลักสูตรการฝึกพนักงานให้สามารถทำงานได้ทุกหน้าที่

ทั้งทำงานในครัว เสิร์ฟอาหาร เช็ดโต๊ะ ถูพื้น ฯลฯ

ขนาด “เดช บุลสุข” ตอนที่ไปติดต่อขอแฟรนไชส์ “แมคโดนัลด์” เขาก็ต้องเข้าคอร์สเช่นเดียวกับที่ “อิ๊ง” ต้องทำ

ไม่แปลกที่ทายาทมหาเศรษฐีอย่าง “อิ๊ง” จะโวยด้วยเสียงหัวเราะกับเพื่อนรักในห้องน้ำในอารมณ์แบบวัยรุ่นว่าเหนื่อยมาก อยากร้องไห้วันละ 20 ครั้ง

อาจเป็นเพราะตอนอยู่ที่บ้าน สิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้ล้วนแต่มีคนทำแทน

การทำงานครั้งนี้จึงอาจเป็น “งานหนัก” ที่สุดในชีวิตของเธอ

แต่สิ่งที่ “อิ๊ง” เลือกทำทั้งที่อยากร้องไห้วันละ 20 ครั้งก็คือ อดทน

และทำงานต่อไป

ไม่ใช่เพราะเงินตอบแทน 23.75 บาทต่อชั่วโมง

แต่เพื่อเป็น “พรีเซ็นเตอร์” ให้กับนโยบายรัฐบาลที่มีคนนามสกุลเดียวกันเป็นนายกรัฐมนตรี

นี่คือ ความน่ารักอย่างแท้จริงของเด็กสาววัย 17 ปี ที่ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อพ่อของเธอ