“บิ๊กโจ๊ก” ใช้จ่าย “หลักล้าน/เดือน” เงินมีที่มา “งบลับ” คืออะไร? ใช้ในกรณีอะไรบ้าง?

จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์นั้น ซึ่งเบื้องต้น เจ้าตัวต้องไปสอบถามจากลูกน้องตนให้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ได้ว่า ใช้บัญชีม้าได้อย่างไร หากกระทำผิดจริงก็จะต้องรับผิดในสิ่งที่ทำ

โดยในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า ตนก็ให้พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ เป็นคนจ่ายต่อเดือนเป็น 1,000,000 บาท แบ่งเป็นงบลับ 6 แสน ผบ.ตร.ก็รู้ ที่เหลือเป็นเงินส่วนตัว 

พร้อมระบุถึงเงินที่ดูแลลูกน้องด้วยว่า “เงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายเป็นเงินของผม หากไปคำนวณให้ดีๆ เงินของผมจะมากกว่าเงินของเว็บพนันเยอะ วันนี้ต้องพูดเรื่องจริงกันว่า ผมไม่ได้ใช้เงินจากเว็บพนัน หากผมไม่เอาเงินส่วนตัวมาใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเอาเงินที่ไหนมาให้ใช้ แต่คนอื่นอาจจะไม่มีความพร้อม หรือความบ้าแบบผมที่เอาเงินส่วนตัวมาทำงาน เพราะผมไม่มีลูก ก็เอาเงินส่วนนี้มาใช้ในการทำงาน แล้วที่มาของเงินก็ตอบได้ทั้งหมด ซึ่งเฉพาะแม่ยายเป็นผู้จัดการมรดกก็เกือบพันล้านแล้ว”

ในส่วนของ “งบลับ” หลายคนอาจจะสงสัยว่าเงินส่วนนี้คืออะไร 

ข้อมูลจาก ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “งบลับ” หรือ “เงินราชการลับ” หมายถึง เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่กำหนดให้เป็นเงินราชการลับหรือที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มเติมให้เป็นเงินราชการลับ หรือเป็นเงินที่ใช้จ่ายดำเนินงานในลักษณะปกปิด เพื่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเทคโนโลยี

วัตถุประสงค์การใช้เงินราชการลับ มีไว้เพื่อความมั่นคงและป้องกันราชอาณาจักร ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ด้านการข่าว ภารกิจอื่นที่ต้องปกปิดเพื่อประโยชน์ด้านสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่พี่น้องประชาชนและความมั่นคงของชาติ

ซึ่งการใช้งบลับ ต้องเป็นไปตาม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้งบประมาณเงินราชการลับ พ.ศ.2547 ที่บัญญัติขึ้นในสมัยรัฐบาลปี 2547

นอกจากนี้ การใช้งบประมาณยังต้องได้รับการตรวจสอบตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 โดย สตง. ได้ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินราชการลับหรือเงินที่มีลักษณะคล้ายกับเงินราชการลับ พ.ศ.2545

ตัวอย่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2565 ตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้ 0.03 ของงบประมาณประจำปี ซึ่งเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกับช่วง10 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ช่วงปี พ.ศ.2547 – 2549 มีการตั้งงบลับเป็นสัดส่วนเพิ่มเป็น ร้อยละ 0.05 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี

โดยปี 2564 ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ในมาตรา 27 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวงและหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะ กมธ.ขอปรับลดงบฯ ราชการลับ 21 ล้านบาท พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการตั้งงบราชการลับ 2 รายการ ในงบฯ รายจ่ายอื่น คือ แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 50 ล้านบาท และยุทธศาสตร์รักษาความสงบภายในประเทศ 160 ล้านบาท

สำหรับเส้นทางในอดีตของ “รองโจ๊ก” 

“โจ๊กหวานเจี๊ยบ” เป็นฉายาที่คอการเมือง-วงการตำรวจรู้จักดี มาจากการพูดจาที่ไพเราะ ใครได้ฟังก็ต้องชอบ ที่ใจถึงพึ่งได้ เพราะชอบลงท้ายเวลาพูดว่า “ครับพี่-ได้ครับพี่” อยู่ตลอด

ย้อนดูภูมิหลัง “รองโจ๊ก” เป็นคน จ.สงขลา มีบิดาเป็นตำรวจชั้นประทวน ชื่อดาบตำรวจไสว หักพาล ซึ่งบิดาเคยทำงานใกล้ชิด พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ บิดา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. และ “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ที่ผ่านมา “รองโจ๊ก” ปฏิเสธมาเสมอว่าไม่ใช่เด็กบ้านดามาพงศ์ โดยอ้างว่า บิดาตนเป็น “นายดาบ” สังกัดกองพลาธิการตำรวจ จึงมีหน้าที่เป็นพลขับให้ผู้บังคับบัญชา ที่มารับตำแหน่งที่ จ.สงขลา

ซึ่งขณะนั้น พล.ต.อ.เสมอ ดามาพงศ์ เคยมารับตำแหน่งอยู่ไม่นาน แล้วก็โยกย้ายไปที่อื่น

เส้นทางเติบโตของ “รองโจ๊ก” เป็น ตท.31 เป็นแกนนำนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 หรือที่เรียกว่ารุ่น “พราน 47” ซึ่ง “รองโจ๊ก” ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่เติบโตเร็วของรุ่น เพราะเป็น “นายพล” ยศ “พล.ต.ต.” ตั้งแต่อายุยังน้อย

โดยช่วงปี 2557 “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง สมัยเป็น ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้ง “รองโจ๊ก” ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เป็นรักษาการผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานนายกรัฐมนตรี

ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “แซงหน้า” รุ่นพี่ นรต.45-46 ทำให้ “รองโจ๊ก” เป็น “นายพลตำรวจ” ที่มีอายุน้อยที่สุดในตอนนั้น อายุเพียง 42 ปี ถือเป็นประวัติศาสตร์ ตั้งแต่มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หลังเปลี่ยนโครงสร้างจากกรมตำรวจมา

ก่อนขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 191 และขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่ง “รองโจ๊ก” เกษียณปี 2574 ทำให้โอกาสขึ้นเป็น ผบ.ตร. อยู่ไม่ไกล

อาจได้นั่งยาวๆ แบบ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่นั่งยาว 5 ปี เกษียณปี 2563 ก็เป็นได้

ที่ผ่านมา “รองโจ๊ก” ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่มีความใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร โดยทำหน้าที่ประสานงานมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯ ที่คุมตำรวจด้วย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จนได้รับฉายาว่า “ผบ.ตร.น้อย”

เพราะถูกจับตาว่ามีอำนาจมากกว่าคนเป็น “พล.ต.อ.” เสียอีก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, สุมิตรา หักพาล, ศิรินัดดา หักพาล พร้อมครอบครัว มอบเงินบริจาคจำนวน 16,091,199 บาท จากผู้ร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศล ดาบตำรวจไสว หักพาล บิดา เพื่อสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลสิงหนคร (ส่วนหน้า) อ.สิงหนคร จ.สงขลา ตามวัตถุประสงค์ของผู้วายชนม์และครอบครัว