คึกคัก เลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ สแกน ‘นายพล’ มาแรงลุ้นเข้าวิน

คึกคัก เลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ สแกน ‘นายพล’ มาแรงลุ้นเข้าวิน รุ่งโรจน์-ปัญญา-บิ๊กย้ง-อำนวย

 

ตอนนี้แวดวงสีกากีมีความคึกคักตื่นตัวได้เลือกผู้ทรงวุฒิถึง 6 คนมาทำหน้าที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งแรกในรอบ 9 ปี

เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ได้บังคับใช้เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา

ก.ตร.มีหน้าที่

1. กำหนดมาตรฐานการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม และจัดระบบข้าราชการตำรวจ รวมทั้งนโยบายและมาตรฐานการอบรมและพัฒนาข้าราชการตำรวจ

2. ออกกฎ ก.ตร. ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ประกาศ หรือมีมติเกี่ยวกับการบริหารราชการตำรวจ

3. กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับอัตรากำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมและให้บริการแก่ประชาชน

4. พิจารณาให้ความเห็นชอบการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ เพื่อดำเนินการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

5. กำกับดูแลการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจของผู้บังคับบัญชาทุกขั้นตอนให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.นี้และกฎ ก.ตร.โดยเคร่งครัด

6. ประเมินผลการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการตำรวจ

7. เกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการตำรวจไปให้สถานีตำรวจ ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม

ตามโครงสร้าง “ก.ตร.” มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน, ผบ.ตร. รองประธาน, กรรมการประกอบด้วย เลขาธิการ ก.พ., เลขาธิการ ก.พ.ร., รอง ผบ.ตร. 5 คน (ตามลำดับอาวุโส), จเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้ทรงวุฒิประเภท ก. 3 คน และ ข. 3 คน (มาจากเลือกตั้ง) โดยมี ผบช.สง.ก.ตร. เป็นเลขานุการ รอง ผบช.สง.ก.ตร. เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก) ตามกฎหมายมีได้ 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) 3 คน วาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี เพียงวาระเดียว มาจากการเลือกตั้ง

กฎหมายบัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาจัดการเลือกตั้งแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ผู้ที่ได้รับเลือกจะได้เป็นตัวแทนของตำรวจอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการสืบทอดอำนาจอย่างเช่นที่เคยเป็นมา

กำหนดวันหย่อนบัตรพร้อมกัน คือวันที่ 15 มีนาคมนี้ เวลา 08.30-16.30 น. สถานที่เลือก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะกำหนดและประกาศให้ทราบก่อนวันเลือกตั้ง กำหนดให้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือก ส่วนต่างจังหวัดอาจเป็นสำนักงาน กกต.จังหวัด หรือสถานที่ที่ กกต.กำหนด ขณะที่ กทม.ใช้สโมสรตำรวจ

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตั้งแต่รอง ผกก. หรือเทียบเท่าขึ้นไปมีประมาณ 13,000 กว่าคน ได้เลือกเป็นครั้งแรก กำหนดให้ 1 บัตร เลือกได้ 6 คน

สำหรับผู้สมัครผู้ทรงวุฒิประเภท (ก) คุณสมบัติ ต้องเคยเป็นข้าราชการตำรวจระดับ ผบช.ขึ้นไป และพ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจเกิน 1 ปี ขณะนี้ผู้สมัคร 23 คน ต้องเลือกให้เหลือ 3 คน

พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น

สแกนรายชื่อแล้ว แต่ละคนมีคุณสมบัติเพียบพร้อม โปรไฟล์แน่นด้วยคุณวุฒิและประสบการณ์

ดังนี้ 1.พล.ต.ท.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว 2.พล.ต.ท.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ 3.พล.ต.อ.ชัยพร พานิชอัตรา 4.พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร 5.พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล 6.พล.ต.ท.นพดล เผือกโสมณ 7.พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น 8.พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล 9.ศาสตราจารย์ พล.ต.ท.พิศาล มุขแจ้ง 10.พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ

11.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 12.พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม 13.พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษตร 14.พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 15.พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ 16.พล.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ 17.พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร 18.พล.ต.อ. สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ 19.พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม

20.พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา 21.พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ 22.พล.ต.ท.อํานวย นิ่มมะโน 23.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์

สดับรับฟังมาจากผู้สิทธิ์เลือกตั้ง ประมวลได้ว่า ผู้สมัครที่มาแรง อาทิ

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม นรต.รุ่น 34 อดีตรอง ผบ.ตร. และรักษาการเลขาธิการ ปปง. จัดอยู่ในสายบุ๋น ด้านบริหาร เคยทำงานเบื้องหลังการวางโครงสร้างองค์กร กำลังพล ยุครอการปฏิรูปตำรวจ และยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) มีผลงานกวาดล้าง จับกุม

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีต รอง ผบ.ตร. และอดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีประสบการณ์ปฏิบัติหน้าที่สายปฏิบัติการ สนับสนุนอำนวยการ เกือบทุกกองบัญชาการใน ตร. และเคยเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายตำรวจ ชูม็อตโต้ “ตำรวจต้องมีศักดิ์ศรี มีความมั่นคง มีความก้าวหน้าในเส้นทางราชการ และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เพื่อประชาชน”

พล.ต.ท.อํานวย นิ่มมะโน นรต.รุ่น 31 สละสิทธิ์ไม่รับตำแหน่ง ส.ว. มาชิงผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร มุ่งหวังผลักดันให้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์เพื่อการปฏิรูปองค์กรตำรวจได้อย่างแท้จริง

เช่น การปฏิรูปงานอำนวยความยุติธรรมในทางอาญา ให้มีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง โดยให้งานสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่มงานเดียวกันและเป็นตำแหน่งเลื่อนไหลจนถึงรอง ผบก. เนื่องจากเห็นว่าถ้าองค์กรตำรวจได้รับการปฏิรูปไปในทิศทางที่ถูกต้องจะเกิดผลดีต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติดังที่ได้ตั้งความหวังไว้

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษตร อดีต ผบช.ปส. ฉายามือปราบขุนดง เป็นที่ถูกใจนายตำรวจรุ่นใหม่กลุ่มฮาร์ดคอร์ เพราะเป็นสายตำรวจสายเหยี่ยว มีชีวิตการทำงานแบบมันส์ๆ สไลต์ระเบิดภูเขา เผากระท่อม หนัง “อาหลอง” ฉลอง ภักดีวิจิตร ถือเป็นมือปราบที่เด็ดขาดในการจัดการคนร้าย

พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นนายตำรวจฝีมือดีลูกชาวนานครสวรรค์ เรียนหนังสือเก่ง นรต.รุ่น 32 สอบได้ที่ 1 ตลอด รับทุน ก.พ.ไปเรียนที่อเมริกา ได้ดีกรีด๊อกเตอร์ เคยนั่งอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านบริหารและทรัพยากรบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร “บิ๊กย้ง” นรต.รุ่น 32 ถือเป็น “กูรู” ด้านกำลังพลสีกากี คลุกวงในการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายมาหลายสมัย ตั้งแต่กรมตำรวจ จนเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยเป็นผู้บังคับการกองทะเบียนพล ผู้บัญชาการสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นรต.รุ่น 32 เป็นตำรวจสายนักสืบ อดีตรอง ผบ.ตร. เคยดำรงตำแหน่งรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9) ผช.ผบ.ตร., ผบช.น., ผบช.ภ.1, 2 ทราบกันว่าเป็นนายตำรวจที่สนิทสนมและเกี่ยวพันกับตระกูลชินวัตร เนื่องจากภริยามีศักดิ์เป็นหลานสาวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน

ประเภท ข. ผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน เลือกได้ 3 คน มี 1.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 3.รศ.ประทิต สันติประภพ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 4.นายวิตถวัลย์ สุนทรจิต อดีตอธิบดีคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม 5.ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ 6.นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี

ผู้ที่มาแรงในแวดวงสีกากีน่าจะเป็นนายฉัตรชัย หรือ “ปลัดฉิ่ง” เคยนั่ง ก.ตร.มาก่อน และรู้จักกันในแวดวงนักเรียนนายร้อย คือ ศ.ศุภชัย

ดังนั้น 15 มีนาคมนี้ ก่อนตัดสินเลือกใครเป็นตัวแทนไปเป็นปากเป็นเสียง ให้ศึกษาประวัติให้ดีก่อน เพื่อจะได้ตัวแทนที่ทำหน้าที่เรียกร้องความเป็นธรรม เป็นสื่อกลางประสานแก้ไขภาพลักษณ์องค์กรตำรวจเพื่อเรียกศรัทธาประชาชนคืนกลับมา

พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร